ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

ตลาดรถยนต์เอนกประสงค์ขนาดเล็กทั้ง เอสยูยี หรือ เอ็มพีวี ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็มีผู้เข้ามาทำตลาดจำนวนมาก และฮอนด้าเป็นหนึ่งในผู้ที่ทำตลาดรถรุ่นนี้หลายรุ่น รวมถึง ดับเบิลยูอาร์-วี (WR-V) ที่นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย

หลายปีที่ผ่านมา ฮอนด้าเพลี่ยงพล้ำในตลาดไปพอสมควร ยอดขายติดลบมาหลายปี เป็นผลจากทั้งโควิด-19 และปัญหาการผลิตจากการขาดแคลนชิ้นส่วน โดยเฉพาะเซมิ คอนดัคเตอร์ 

แต่ปีนี้ทิศทางของฮอนด้าน่าสนใจ เพราะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายบวกเล็กน้อย ขณะที่ตลาดรวมติดลบ โดยผู้บริหารระบุว่าสถานการณ์ชิ้นส่วนเริ่มคลี่คลาย แม้จะยังไม่เต็มร้อยก็ตาม 

นอกจากนี้ปีนี้ ฮอนด้า มีอาวุธหลายอย่างให้เล่น โดยปีนี้เปิดตัวไปแล้วทั้ง WR-V และ CR-V และเตรียมปรับโฉมทั้ง City และ Accord รวมถึงแผนประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ช่วงปลายปีนี้ด้วย 

ขณะที่รถที่เปิดตัวปีที่แล้ว อย่าง HR-V ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดี 

และจะว่าไปแล้วในกลุ่มรถเอสยูวี หรือ ครอสโอเวอร์ ฮอนด้าน่าจะมีตัวเลือกมากที่สุดในตลาด ไม่ว่าจะเป็น WR-V, BR-V, HR-V และ CR-V ซึ่งรถในกลุ่มนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

WR-V เป็นรถนำเข้าจากฐานการผลิต อินโดนีเซีย เช่น เดียวกับ BR-V เป็นรถแบบ 5 ที่นั่งในกลุ่มซับ คอมแพคท์ มีขนาดตัวถังที่สั้นกว่ารถหลายๆ รุ่นในตลาดที่อยู่ในกลุ่มใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น MG ZS, Mazda CX-3 หรือว่า Nissan Kicks รวมถึง Honda BR-V ที่มีความกว้างตัวถังเท่ากัน เป็นต้น 

โดย WR-V มีความยาวตัวถัง4,060 มม. กว้าง 1,780 มม. สูง 1,608 มม. ระยะฐานล้อ 2,485 มม. ระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) 220 มม. 

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

แม้จะมีขนาดตัวถังไม่ใหญ่นัก แต่การออกแบบภายในของ WR-V คันนี้ ก็นั่งได้สบาย เบาะคู่หน้าออกมาขนาดกำลังดี และกระชับลำตัว เบาะแถวหลังนั่งได้ 2 คนสบาย โดยสามารถดึงพนักพิงตรงกลางลงมาเป็นที่พักแขน หรือวางแก้วน้ำ ขวดน้ำได้ แต่ถ้านั่ง 3 คน ก็นั่งได้เช่นกัน

การออกแบบเบาะทั้งรูปแบบ ลวดลาย สีสันที่แต่งแต้มด้วยสีแดงเข้าไปเล็กน้อย ล้อไปกับด้ายตะเข็บสีแดง ให้อารมณ์สปอร์ต พรีเมียมเพิ่มขึ้น สำหรับ RS คันนี้ 

ทั้งนี้เบาะนั่งแถวหลังสามารถพับได้ แบบ 60:40

การตกแต่งภายใน ใช้ วัสดุสีดำ Piano black และแถบสีเงินมือจับประตูด้านใน และเมื่อเปิดประตูก็จะเห็นคิวประตูด้านหน้าอลูมิเนียมพร้อมสัญลักษณ์ RS

ส่วนภายนอก กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต พร้อมสัญลักษณ์ RS 

มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED sequential พร้อมระบบเปิดปิดไฟหน้าอัตโนมัติ 

ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน และไฟท้าย LED 

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบหน่วงเวลา ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง เสาอากาศแบบครีบฉลาม 

ส่วนออปชั่นหลักๆ ที่ให้มา เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบทำความเย็นเร็วและโหมดทิศทางลม พนักเท้าแขนด้านหน้า  (รุ่น SV)  หรือด้านหน้าและด้านหลัง (RS) 

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

แผงบังแดดพร้อมกระจกแต่งหน้าด้านคนขับและผู้โดยสาร (SV) และแบบมีฝาปิด พร้อมไฟส่องสว่างด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (RS) กระจกมองหลังแบบตัดแสง กระจกไฟฟ้า 4 บาน 

ที่วางแก้ว 6 ตำแหน่ง ที่แขวนของในพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายไฟภายในห้องโดยสาร 2 ตำแหน่งไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้ายราวมือจับ 3 ตำแหน่ง (SV)  ส่วน RS  4 ตำแหน่ง

ทั้ง SV และ RS  มาพร้อม  ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า มีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ คือ 

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก  ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS) ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ในรุ่น RS ถุงลมคู่หน้า  ถุงลมด้านข้างคู่หน้า และรุ่น RS เพิ่มม่านถุงลมด้านข้างมาให้

สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS )ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก

สำหรับราคาจำหน่าย WR-V ประกอยด้วย  RS 869,000 บาท และ SV 799,000 บาท

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 145 นิวตันเมตร 

ตัวเครื่องยนต์ตอบสนองการใช้งานได้ดีพอ การลองขับขี่สำหรับผู้โดยสารรวม 4 คน ไม่เป็นปัญหา การออกตัวไม่อืดอาด จังหวะการเพิ่มความเร็ว หรือ เร่งแซง ทำได้ดีทีเดียวสำหรับรถในกลุ่มเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เรียกว่าใช้งานบนท้องถนนทั่วไปได้สบาย อาจจะมีบางจังหวะที่ต้องการเพิ่มความเร็วเร่งด่วนที่ต้องใช้การคิกดาวน์บ้าง 

จังหวะการปีนไต่เนิน หรือ หยุดแล้วออกตัวใหม่กลางเนิน ก็ทำได้ดี 

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

เกียร์มีความลื่นไหล และแม่นยำ ทั้งการขับบนทางราบหรือว่าขับขี่ขึ้นเนินชันก็ตาม ส่วนการขับลงเนินก็ใช้เกียร์ S ช่วยได้บ้าง สลับการใช้เบรกเป็นระยะๆ 

การใช้ความเร็วเดินทาง การไล่ความเร็วขึ้นไปถึงระดับกฎหมายกำหนด ก็ไม่ยาก และที่ความเร็วระดับประมาณ 120 กม./ชม. แช่ยาวๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ไม่ให้ความรู้สึกว่าทำงานหนัก เสียงเครื่องยนต์ก็ค่อนข้างปกติ ขณะที่การทรงตัวของรถก็อยู่ในเกณฑ์ดี รถนิ่ง การควบคุมพวงมาลัย ก็นิ่งๆ สบายๆ 

พวงมาลัยน้ำหนักเบา สบายมือ ขับในที่แคบๆ หรือ เข้า-ออก ลานจอดรถได้คล่องตัว โดยพวงมาลัยสามารถปรับระดับได้ทั้งใกล้-ไกล และสูง-ต่ำ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น

ช่วงล่าง ด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลัง ทอร์ชั่น บีม หรือคานแข็ง รองรับการทรงตัวของรถได้ดี แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบคือ การเซ็ทให้นุ่มเกินไป ซึ่งก็มีข้อดีคือเมื่อเจอทางขรุขระ หรืออออกไปลุยนอกถนนบนทางหินทางฝุ่นทางดิน ซึ่งไม่ได้ความเร็วสูงเท่าทางเรียบ มันดูซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี นั่งได้สบาย 

แต่การขับขับขี่บนทางเรียบทั่วไป หากเป็นทางเรียบจริง ก็ไม่มีปัญหาอะไร รถนิ่งๆ สบายๆ รวมถึงถ้าเจอช่วงที่ผิวถนนขรุขระก็เช่นกัน แต่ถ้าเจอทางที่ทรุดตัวเป็นคลื่นเป็นลอน หรือคอสะพานหลายๆ แห่ง (จริงๆ แล้วบอกว่าส่วนใหญ่ก็ได้) รถจะมีอาการเด้งอาการโยนมากเกินไป  ต้องผ่อนความเร็วลง

ซึ่งผมว่าถ้าเซ็ทให้แข็งกว่านี้จะดีกว่า

สำหรับ WR-V RS คันนี้ ใช้ยางขนาด 215/55 R17 ระบบเบรก ด้านหน้าเป็น ดิสก์เบรก ด้านหลัง ดรัมเบรก

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้น ทางผู้ผลิตระบุไว้ที่ 16.7 กม./ลิตร แต่การลองขับขี่จริงของผมเส้นทางในกรุงเทพฯ บวก ออกต่างจังหวัดไป-กลับ สุพรรณฯ ได้ประมาณ 15.2 กม./ลิตร ถือว่า โอเคเลยครับ

ฮอนด้า WR-V ขับสบาย ปรับช่วงล่างนิด ก็ดี

ส่วนด้านความสะดวกสบาย ก็ติดตั้งออปชั่นมาให้ เช่น ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบเปิด-ปิดประตู โดยไม่ใช้กุญแจ 

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย หรือ Paddle Shift ใน รุ่น RS 

ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่งช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่งลำโพง 4 ตำแหน่ง (รุ่น SV) และ 6 ตำแหน่ง (RS) Honda CONNECT เทคโนโลยีที่เชื่อมคุณและรถยนต์เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการทำงานของแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน (รุ่น RS)

ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติตามความเร็วรถเซ็นทรัลล็อกพร้อมสวิตช์ควบคุมตำแหน่งคนขับระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า

สรุปโดยรวม BR-V เป็นรถที่มีความกะทัดรัด คล่องตัวในการใช้งาน ขับขี่ง่าย คุมง่าย ยกเว้นจังหวะยวบๆ กับทางคลื่น ทางลอน หรือคอสะพานเท่านั้น กำลังเครื่องยนต์และการตอบสนองก็รวดเร็วทันใจ สำหรับรถในกลุ่มนี้ครับ