'ไมเนอร์' ฉวยกระแส White Lotus เปิดโรงแรม 'อนันตรา' ในสหรัฐปีหน้า

'ไมเนอร์' ฉวยกระแสซีรีส์ดัง The White Lotus เตรียมแผนเปิดโรงแรมแฟลกชิป 'อนันตรา' ในสหรัฐต้นปีหน้า หลังเสียงตอบรับดี ยอดจองโรงแรมพุ่ง 41%
“วิลเลียม ไฮเน็ค” ผู้ก่อตั้งและประธาน “บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)” หรือ “MINT” เปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า บริษัทตั้งเป้าจะเปิดโรงแรมหรูแฟลกชิป “อนันตรา” อย่างน้อย 1 แห่งที่สหรัฐ ในปีหน้า ตอบรับกระแสซีรีส์ดังเรื่อง The White Lotus ที่สร้างชื่อไปทั่วโลก และทำให้มียอดจองห้องพักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ซีรีส์เริ่มออกอากาศเมื่อเดือนที่แล้ว
ไฮเน็ค กล่าวว่า ไมเนอร์ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งเป้าหมายที่จะเปิดโรงแรมอนันตรา ซึ่งเป็นแบรนด์หรูแฟลกชิปของเครือ ในสหรัฐโดยเร็วภายในช่วงต้นปีหน้า โดยการมีผู้ติดตามซีรีส์ The White Lotus จำนวนมากทำให้บริษัทเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อตลาดอเมริกาที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในสหรัฐเพียงแห่งเดียวผ่าน NH Hotel Group SA ซึ่งบริษัทเข้าซื้อกิจการในปี 2561
“ซีรีส์นี้ช่วยกระตุ้นความน่าดึงดูดใจในระดับนานาชาติของไมเนอร์ และโรงแรมของเรา โดยเฉพาะอนันตรา” ไฮเน็ค กล่าว “เรายังไม่มีอนันตราในสหรัฐ แต่ผมหวังว่าเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้ภายในปีหน้า ผมหวังว่าเราจะมีอย่างน้อยหนึ่งแห่ง”
ทั้งนี้ ไมเนอร์มีโรงแรมในเครือถึง 4 แห่งที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลักในซีรีส์ The White Lotus ในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงโรงแรมอนันตรา 3 แห่งในภูเก็ต และเกาะสมุย และโรงแรมโฟร์ซีซันส์ สมุย
นับตั้งแต่ซีรีส์นี้เริ่มออกฉายในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ยอดจองออนไลน์โดยตรงของรีสอร์ตอนันตราทั้งสามแห่งเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงเวลาเดียวกัน
เปิดเป้าหมายขยายโรงแรม 850 แห่งปี '70
สำหรับแผนการเปิดโรงแรมในสหรัฐนั้น นับเป็นส่วนเพิ่มเติมใหม่ในเป้าหมายการขยายธุรกิจของบริษัท ซึ่งไมเนอร์เคยประกาศตรงกับวันที่ The White Lotus เข้าฉาย โดยเครือไมเนอร์มีเป้าหมายที่จะขยายโรงแรมเป็น 850 แห่งในปี 2570 และ 1,000 แห่งภายในปี 2573 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 562 แห่งที่บริษัทดำเนินการหรือเป็นเจ้าของใน 57 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยประกาศแผนงานที่จะบุกเบิกตลาดหลักๆ เป็นครั้งแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
ผู้บริหารไมเนอร์ระบุว่า "เดอะ ไวท์ โลตัส เอฟเฟกต์" จะส่งผลให้การท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในตลาดประเทศไทย และยุโรปซึ่งบริษัทถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันบริษัททำผลงานได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสแรกจนถึงขณะนี้ และคาดว่าจะมีผลงานที่โดดเด่นอีกครั้งในปีนี้ หลังจากที่ไมเนอร์รายงานรายได้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปี 2567 โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 43%
"เดอะ ไวท์ โลตัส จะมอบโอกาสมากมายทั่วโลกให้กับเรา” ผู้บริหารสัญชาติไทยเชื้อสายอเมริกันกล่าว “สิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจมากขึ้นไปอีกก็คือ ความจริงที่ว่า เราสามารถพา อนันตรา ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยไปสู่ระดับโลกได้”
แผนลดหนี้-ระดมทุนผ่านกอง REIT
ทั้งนี้ ไมเนอร์ กรุ๊ป วางแผนที่จะลดหนี้ และระดมทุนสำหรับการลงทุนใหม่ๆ โดยจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในปีนี้ และย้ายทรัพย์สินบางส่วนในพอร์ตโฟลิโอไปอยู่ภายใต้กองทรัสต์ดังกล่าว โดย ดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MINT กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่ากอง REIT มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ อาจจดทะเบียนในประเทศไทยหรือสิงคโปร์ แต่ล่าสุดไฮเน็ค กล่าวว่า ยุโรปก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังพิจารณาในการจดทะเบียน
“สิ่งหนึ่งที่ผู้คนกังวลคือ หนี้ก้อนโตของเรา” ไฮเน็คยอมรับ และกล่าวว่า “เรามีโอกาสที่จะชำระหนี้ส่วนใหญ่ผ่านกอง REIT นี้”
ตามข้อมูลของบริษัทพบว่า หนี้สินรวมของบริษัทซึ่งพุ่งสูงขึ้นหลังจากการซื้อกิจการ NH Hotels และผลกระทบจากการระบาดของโควิด ลดลงเหลือ 247,700 ล้านบาท ในปี 2567 จากประมาณ 273,000 ล้านบาท ในปีก่อนหน้า
บลูมเบิร์ก ระบุว่า การท่องเที่ยวยังคงเป็นแสงสว่าง และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศไทย ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาค รัฐบาลตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เกิน 40 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งจะทำลายสถิติที่ทำได้ในปี 2562 ขณะที่ในช่วงระหว่างเดือนม.ค. ถึงวันที่ 9 มี.ค. ประเทศไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว 7.66 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่วนราคาหุ้นของไมเนอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในปีนี้ ท่ามกลางการเทขายในตลาดหุ้นไทยโดยรวม ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีผลงานแย่ที่สุดในเอเชีย โดยลดลงถึง 17%
ยอดจอง 3 รีสอร์ต เครืออนันตรา พุ่ง 180%
นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า ซีรีส์ เดอะ ไวท์ โลตัส ซีซัน 3 ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทยและเริ่มออกอากาศไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ.68 ได้ปลุกกระแสความสนใจในรีสอร์ตภายใต้เครืออนันตราอย่าง อนันตรา ลาวาณา เกาะสมุย รีสอร์ต, อนันตรา บ่อผุด เกาะสมุย รีสอร์ต และอนันตรา ไม้ขาว ภูเก็ต วิลล่าส์ เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของรีสอร์ตทั้ง 3 แห่งในเดือนก.พ. สูงขึ้นถึง 104% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และยอดการจองห้องพักโดยตรงผ่านช่องทางออนไลน์ยังเพิ่มขึ้นถึง 41% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน
ข้อมูลการจองห้องพักเผยให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง โดยอัตราการจองห้องพักพุ่งสูงขึ้นในวันที่ 17 และ 24 ก.พ.68 ซึ่งเป็นช่วงเวลาออกอากาศสองตอนแรกของซีรีส์ดัง โดยเฉพาะยอดการจองห้องพักจากลูกค้ารายย่อย เพิ่มขึ้นถึง 53% ในสัปดาห์แรก และพุ่งสูงขึ้นกว่า 180% ในสัปดาห์ถัดมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ข้อมูลรายสัปดาห์ของจำนวนการค้นหาบนแพลตฟอร์มการจองออนไลน์ของโรงแรมอนันตราทั้ง 3 แห่ง ยังแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบกับสัปดาห์เดียวกันของปีก่อนหน้า
หนุนยอดชมเว็บ รร.หรู กลุ่มไมเนอร์โต 40%
แม้ว่าอิทธิพลของเดอะ ไวท์ โลตัส จะส่งผลชัดเจนที่สุดต่อกลุ่มโรงแรมอนันตราที่ปรากฏในซีรีส์ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ยังได้เผยว่าโรงแรมระดับลักชัวรีทั้งหมดในประเทศไทยของกลุ่ม ยังมียอดการเข้าชมเว็บไซต์จากทั่วโลกเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มาจากตลาดนักท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ สหราชอาณาจักร สหรัฐ อินเดีย เยอรมนี และฝรั่งเศส
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์