“Hide&Seek” แชมป์นิลมังกรโตพรวด 40 เท่าในเวลา 18 เดือน

“Hide&Seek” แชมป์นิลมังกรโตพรวด 40 เท่าในเวลา 18 เดือน

ทรายแมวจากมันสำปะหลัง “Hide&Seek” แชมป์นิลมังกรซีซั่น 1 เงินรางวัล 2 ล้านบาท ระยะเวลา 18 เดือนในโครงการ บริษัทมีมูลค่าเพิ่ม 40 เท่า คาดรายได้ปี 66 ประมาณ 11,880 ล้านบาท ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ เป้าหมายอีก 5 ปีตลาดหลักทรัพย์ MAI

“Hide&Seek” ตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการนวัตกรที่ผ่านการบ่มเพาะจากโครงการนิลมังกร รุ่นที่ 1 โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือเอ็นไอเอ ร่วมกับ 20 องค์กร เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค

ซอสกะปิ “เคยนิคะ” บรรจุในขวดแก้วดีไซน์ทันสมัย หลังจากเข้าร่วมโครงการนิลมังกรทำให้เข้าถึงนวัตกรรมและมองเห็นกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น จากยอดขายเดือนละ 1 แสนบาท ขยับมาสู่ 60 ล้านบาทต่อปี ล่าสุดผ่านการคัดเลือกให้ไปทดลองตลาดในออสเตรเลียและมาเลเซีย,

ธุรกิจเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในขวดแก้ว “ไทยทิชชูเคาเจอร์” รายได้ก่อนเข้าร่วมโครงการนิลมังกรปีละหลักแสนบาท ปัจจุบันเพิ่มเป็นหลักล้านต่อเดือน คาดว่าปีหน้าจะไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท หลังจากมองเห็นความชัดเจนด้านโมเดลธุรกิจและการตลาด อีกทั้งวางเป้าหมายที่จะผลิตพันธุ์ไม้ตอบความต้องการของลูกค้าต่างประเทศ ควบคู่กับการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายในหลากหลายรูปแบบ, 

เชฟเมย์ เจ้าของแบรนด์ “น้ำพริกส็อก By Chef May” ได้รับทาบทามจากอุตสาหกรรมอาหารรายใหญ่ให้ร่วมครีเอทเมนูส่งออกต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการนิลมังกรทำให้ภาพลักษณ์ความเป็นเชฟเมย์แข็งแกร่งขึ้น กระทั่งสามารถกำหนดทิศทางธุรกิจและ Position ของแบรนด์ โดยไม่ต้องรอให้ตลาดมาเป็นผู้กำหนด หมายความว่าผลงานที่ครีเอทขึ้นมาจะมีคุณค่าในตัวเอง เป็น Singature ที่สะท้อนตัวตนไปใส่ไว้ในตัวผลิตภัณฑ์

“Hide&Seek” แชมป์นิลมังกรโตพรวด 40 เท่าในเวลา 18 เดือน

พื้นที่ปั้นสุดยอดนวัตกรไทย

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็นไอเอ อธิบายว่า “นิลมังกร” สะท้อนถึงผู้ประกอบการไทยที่มีความแข็งแกร่ง อดทน ปราดเปรียว มีพลังความสามารถ เสมือน ม้านิลมังกร ในวรรณคดีไทยที่เป็นม้าวิเศษ หรือสุดยอดแห่งม้าในจินตนาการของคนไทย จึงเปรียบเสมือนตัวแทนของผู้ประกอบการไทยทั้งเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ และกิจการเพื่อสังคมที่มีการใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าและบริการให้มีความโดดเด่นและแตกต่าง 

โดยอาศัยอัตลักษณ์ของพื้นที่จนสามารถสร้างมูลค่าและตราสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้าง ช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานรากระดับท้องถิ่นและเศรษฐกิจของประเทศให้มีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 และวิกฤตการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

สำหรับ นิลมังกรตัวแรก คือ ไฮด์แอนซีค เจ้าของผลงานทรายแมวผลิตจากมันสำปะหลังธรรมชาติ 100% ที่เกิดการเติบโตทางธุรกิจมากกว่า 5 เท่าจากการเข้าร่วมโครงการ “นิลมังกร”

“Hide&Seek” แชมป์นิลมังกรโตพรวด 40 เท่าในเวลา 18 เดือน

จึงถือเป็นตัวอย่างในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมและใช้เครื่องมือทางด้านนวัตกรรมมาเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ที่จะส่งผลกับผู้ประกอบการภูมิภาคและประชาชนทั่วไปเกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจท้องถิ่นเพื่อยกระดับเศรษฐกิจของพื้นที่

อัดแน่น 3 กลไกสู่ความสำเร็จ

กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม เอ็นไอเอ กล่าวว่า นิลมังกรแคมเปญเป็นแพลตฟอร์มที่ผสมผสานระหว่างการฝึกอบรมให้ความรู้ การวิเคราะห์ปัญหา การนำรูปแบบหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจมาช่วยแก้ไขปัญหา หรือการนำเสนอกลยุทธ์ใหม่ให้กับการทำธุรกิจนวัตกรรมของผู้ประกอบการที่ลงมือทำจริงมีสินค้าหรือบริการแล้วและต้องการเติบโต

โดยอาศัยกลยุทธ์และเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญใน 3 สาขาหลัก ที่ถือเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจ ได้แก่ Creative Innovation, Business Model และ Branding & Storytelling ในรูปแบบของการลงไปทำงานในพื้นที่ร่วมกับผู้ประกอบการจริงและสร้างแบรนด์เพิ่มเติม เพื่อให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและสามารถขยายหรือสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้

ตลอดจนเป็นต้นแบบหรือเป็นฮีโร่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้คนในพื้นที่สร้างนวัตกรรมทั้งสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและตลาดได้อย่างตรงจุด สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด และสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ เมื่อจบกิจกรรม เอ็นไอเอทำการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจและ/หรือมูลค่าทางสังคม เฉพาะ 12 ผู้ประกอบการที่เข้ารอบไฟนอล เปรียบเทียบกับงบประมาณที่ใช้ในโครงการ คาดว่าในปี 2565 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงถึง 18.24 เท่า รวมถึงเกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ผู้ประกอบการนวัตกรรมในรอบ final โครงการนิลมังกร

รุ่น2 บาลานซ์บีซีจีกับดิจิทัล

สำหรับการจัดแข่งขันสุดยอดธุรกิจนวัตกรรมประเทศไทยระดับภูมิภาค รุ่นที่ 2 นี้ เปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ - 31 พ.ค.นี้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ THInnoBizChampion

“โครงการฯ รุ่นแรก ผู้สมัครมีความหลากหลายทั้งด้านอาหาร แพลตฟอร์ท่องเที่ยวและซอฟต์แวร์ ส่วนรุ่น 2 ที่กำลังเปิดรับสมัครนี้คาดว่าที่จะมาแรงคือผู้ประกอบการสายดิจิทัล เมตาเวิร์ส เทคโนโลยีสมัยใหม่ ขณะที่กลุ่มที่เกี่ยวกับบีซีจี อาหารสมัยใหม่ ธุรกิจบนฐานความหลากหลายทางชีพภาพก็มีความสำคัญ เราจึงต้องบาลาซผู้เข้าร่วมโครงการทั้งสองกลุ่มนี้” กริชผกา กล่าว