ไปรษณีย์ไทย ฮึด!! ชูจุดเด่นสู้ หนีแข่งตัดราคาดุ หวังพลิกฟื้นครึ่งปีหลัง

ไปรษณีย์ไทย ฮึด!! ชูจุดเด่นสู้ หนีแข่งตัดราคาดุ หวังพลิกฟื้นครึ่งปีหลัง

ไปรษณีย์ไทย หนีแข่งตัดราคาดุ เร่งสร้างคุณภาพชูจุดเด่น ส่งสินค้าได้ทุกประเภท ตั้งแต่ชิ้นเล็กถึงชิ้นใหญ่ พร้อมเร่งสร้างบริการใหม่ เพิ่มหวังพลิกผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง หลังโดนคู่แข่งตัดราคา-ค่าน้ำมันพุ่งทำรายได้ ส่อติดตัวแดง

นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ปีนี้แนวโน้มรายได้จากการส่งสินค้าอีเอ็มเอสจะลดลง 3-4% จากเดิมที่มีสัดส่วน 40% ทำให้ ปณท ต้องสร้างรายได้จากส่วนอื่นเพิ่ม ได้แก่ กลุ่มรีเทล ปกติมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 10% ให้เป็น 15%ในปีนี้ ผ่านการขายสินค้าชุมชนที่อยู่บนเว็บไซต์ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท มีสัดส่วน 40%, การขายสินค้าผ่านศูนย์ปณท,และการขายผ่านบุรุษไปรษณีย์ มีสัดส่วน 60% คาดว่าจะเพิ่มรายได้จาก 300 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาทในปีนี้

ทั้งนี้ การแข่งขันด้านราคาการส่งสินค้าอีเอ็มเอส นับวันจะมีการตัดราคากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นสิ่งที่ ปณท ทำได้คือการหนีการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดนี้ ด้วยการหันมาสร้างคุณภาพในการให้บริการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ด้วยจุดแข็งของ ปณท คือ สามารถส่งของได้ทุกประเภทตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ ขนาดและรูปร่างที่หลากหลาย 

ดังนั้นที่ทำการของ ปณท จึงมีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกใช้หลากหลาย เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท เช่น กล่องสำหรับใส่ผลไม้,กล่องทำมือที่สามารถประกอบเข้ากับรูปร่างของสินค้า เป็นต้น เมื่อมีการบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะทำให้การขนส่งมีคุณภาพ สินค้าไม่เสียหาย ขณะที่สินค้าที่มีมูลค่าสูง ปณท ก็จัดให้มีบริการคัดแยกแบบมีกล้องวงจรปิด มีพนักงานเฉพาะ ทำให้ในไตรมาสแรกปี 2565 มีปริมาณชิ้นงานสอบสวน หรือ ตกค้าง เสียหาย ลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส4 ของปี 2564

แม้ว่าในปี 2565-2567 มีการคาดการณ์ว่าตลาดอีเอ็มเอส จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 11.23% ต่อปี โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของลูกค้ากลุ่มอีคอมเมิร์ซ ก็ตาม แต่ตนเองเชื่อว่าหลังโควิด ผู้คนที่ไม่ได้ออกจากบ้านจะมีความต้องการซื้อสินค้านอกบ้านมากขึ้น เมื่อตลาดไม่โตการแข่งขันด้านราคาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น เรื่องคุณภาพจึงสำคัญ ควบคู่กับการสร้างบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอีก 2 เดือนข้างหน้า ปณท จะมีการจับมือร่วมกับผู้ให้บริการฟู้ด เดลิเวอร์รี่ แต่ยังไม่สามารถเปิดภายรายละเอียดได้

 

นอกจากนี้ ยังเตรียมจับมือกับหน่วยงานรัฐในการจับมือขนส่งสินค้าร่วมกัน โดยเฉพาะสินค้าชิ้นใหญ่ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกัน ลดการทำงานซ้ำซ้อน เช่น การส่งสินค้ากับ รถทัวร์,รถไฟ,เรือ เป็นต้น

“เราวางกลยุทธ์ไว้ 4 ข้อใหญ่ๆคือ ควบคุมต้นทุน บริหารเส้นทางการขนส่ง แตกไลน์ธุรกิจใหม่ และสร้างความครอบคลุมบริการ เพื่อหวังให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังพลิกกลัับมามีกำไรให้ได้ หลังจากในช่วงที่ผ่านมา สงครามราคาและค่าน้ำมันพุ่งจนทำให้ผลประกอบการเราไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง”

เขา กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่อีกอย่างหนึ่งคือการขยายเครือข่ายจุดให้บริการเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 11,000 จุด ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เน้นเพิ่มจุดให้บริการ อีเอ็มเอส พ้อยท์ ทั้งในย่านชุมขนและเขตเมือง โมเดิร์นเทรด ศูนย์บริการเอ็นทีซึ่งนำร่องไปแล้ว 60 แห่ง เพื่อให้จุดดังกล่าวเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมของในชุมชนมากที่สุด ลดอัตราการเข้ารับสินค้าถึงบ้าน