2 นวัตกรรมเรือและบัสไฟฟ้า กับบทบาทพาผู้นำเอเปคสู่ความยั่งยืน

2 นวัตกรรมเรือและบัสไฟฟ้า กับบทบาทพาผู้นำเอเปคสู่ความยั่งยืน

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เปิดมิติใหม่แห่งการขนส่งสาธารณะ “มายน์ สมาร์ท เฟอร์รี่ – ไทยสมายล์บัส” 2 นวัตกรรมเรือและบัสไฟฟ้ากับบทบาทพาผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจสู่ฝั่งฝันความยั่งยืน

ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) ที่ปีนี้ประเทศไทยได้รับโอกาสในการเป็นเจ้าภาพ และหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจที่สุดก็หนีไม่พ้นวาระแห่งความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดและนโยบาย “BCG Model” ของรัฐบาลไทย

ที่ต้องการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ประสบความสำเร็จเร็วขึ้น ด้วยการเปิดพื้นที่ให้ภาคเอกชน เอสเอ็มอี สตาร์ตอัป ที่มีความพร้อมและกำลังลงทุนในเทคโนโลยี มาร่วมส่งเสริมความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยนวัตกรรม 

ยิ่งไปกว่านั้นการจัดประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ไทยได้แสดงออกถึงดีเอ็นเอทางนวัตกรรมผ่านศิลปวัฒนธรรมด้านอาหารไทย ของที่ระลึก การแสดง ฯลฯ และหนึ่งในนวัตกรรมที่มีการเปิดตัวและเรียกความน่าสนใจไม่น้อย นั่นก็คือ “นวัตกรรมยานยนต์รถและเรือไฟฟ้า” เพื่อใช้รับ ส่ง ผู้เข้าร่วมการประชุมและสื่อมวลชน

2 นวัตกรรมเรือและบัสไฟฟ้า กับบทบาทพาผู้นำเอเปคสู่ความยั่งยืน

สำหรับรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า Thai smile bus และเรือไฟฟ้าโดยสาร MINE Smart Ferry ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านเศรษฐกิจ ประจำปี 2563 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) องค์กรนวัตกรรมที่มีเป้าหมายผลักดันแบรนด์นวัตกรรมจากไทยให้เป็นที่ยอมรับในสายตาชาวโลก

โดยนวัตกรรมดังกล่าวนับว่ามีดีเอ็นเอความเป็นไทยค่อนข้างสูง เนื่องจากเชื่อมโยงกับวิถีความผูกพันของการเดินทางทางสายน้ำ มีความประณีตในเชิงความคิด สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงไปกับบริบทสังคมได้อย่างรวดเร็ว 

ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับ 2 นวัตกรรมนี้ได้ดียิ่งขึ้น จึงขอพาไปเปิดความว้าวของรถและเรือไฟฟ้าที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจ พา 21 ผู้นำเขตเศรษฐกิจบรรลุเป้าหมายแห่งความยั่งยืน

ยานยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทย บริการด้วยใจ ห่วงใยสิ่งแวดล้อม

ระบบขนส่งสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อภูมิอากาศของโลก เนื่องจากมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งหลายประเทศทั่วโลกตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เ

ห็นได้จากการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP26 ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามโดยมีการกล่าวถึงข้อตกลงสัญญาที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาและลดภาระด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change 

จากข้อกำหนดดังกล่าวทำให้กระทรวงคมนาคมมีนโยบายที่จะนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบขนส่งสาธารณะของประเทศไทยมากขึ้น ตามเป้าหมายของภาครัฐที่ต้องการเชื่อมต่อการเดินทางทั้งรถ ราง เรือ ให้มีระดับมาตรฐานการบริการที่ใกล้เคียงกัน

2 นวัตกรรมเรือและบัสไฟฟ้า กับบทบาทพาผู้นำเอเปคสู่ความยั่งยืน

ทั้งนี้ ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) หรือ EA และกลุ่มบริษัทพันธมิตรจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านคมนาคมของไทย

โดยการดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น “สถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere” ที่มีมากกว่า 430 สถานี รวมทั้งสิ้นกว่า 1,800 หัวชาร์จ 

ตั้งแต่ระบบธรรมดา (AC Charger) ไปจนถึงระบบชาร์จเร็ว และทันสมัยที่สุด หรือ DC Ultra-Fast Charge ที่ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบครบวงจร ที่มีความทันสมัยและใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้ชื่อ บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีกำลังผลิต 1 กิ๊กกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ทั้งหมดนี้จะเกิดอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเข้ามาเสริมสายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล

นอกจากนี้ ยังผลิตรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า “Thai smile bus” จำนวน 500 คัน ให้บริการโดย บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ตามเส้นทางในพื้นที่เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เช่น สาย 8 แฮปปี้แลนด์ – สะพานพุทธ สาย 12 พระประแดง – บางลำพู และสาย 17 พระประแดง – อนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งภายในปี 2566 จะผลิตรถบัส EV เพิ่มอีกประมาณ 2,500 – 3,000 คัน เพื่อมาวิ่งให้บริการแทนรถร่วมใน 117 เส้นทาง 

โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตของโรงงานที่มีอยู่ให้สามารถผลิตรถได้ปีละ 5,000 คัน และ “เรือไฟฟ้าโดยสาร MINE Smart Ferry” จำนวน 23 ลำ ให้บริการโดย บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด ใน 3 เส้นทาง คือ สาย Urban Line พระนั่งเกล้า - สาทร สาย Metro Line สะพานพระราม 7 - วัดวรจรรยาวาส และ City Line สายสีเขียว พระปิ่นเกล้า - สาทร

เพื่อรองรับการบริการในระบบขนส่งโดยสารสาธารณะของไทยให้มีมาตรฐานเดียวกัน และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงทุกระบบบริการขนส่งได้อย่างเท่าเทียม 

ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยเทียบเท่าสากล เนื่องจากมีการใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน IP68 เช่นเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ และบริษัท อมิตา เทคโนโลยี(ไต้หวัน) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตแบตเตอร์รี่ไฟฟ้ามานานกว่า 10 ปี 

แถมยังช่วยประหยัดพลังงาน เพราะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าที่มีวงจรการผลิตพลังงานทดแทน สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศได้ร้อยละ 30 – 40 ทำให้ระบบเศรษฐกิจของไทยในส่วนของภาคการขนส่งปรับตัวได้รวดเร็วมากขึ้น

EA ส่งยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติไทย รองรับคณะผู้เข้าร่วมประชุมเอเปค

นาวาโท ปริญญา รักวาทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด กล่าวว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) ที่ผ่านมานั้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด และและกลุ่มบริษัทพันธมิตร ร่วมกับกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับสื่อมวลชนและผู้แทน APEC 2022 ด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า “Thai smile bus” 

โดยเดินทางจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ไปท่าเรือ cat tower เพื่อล่องเรือไฟฟ้า MINE Smart Ferry ชมความงามของปรากฎการณ์แห่งแสงสีริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมเก็บภาพประทับใจกับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญริม 2 ฝั่งแม่น้ำ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในฐานะพันธมิตรด้านการสื่อสารการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค

“การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้นำนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นโดยฝีมือคนไทย 100% ตั้งแต่การผลิตแบตเตอร์รี่ การประกอบรถบัส EV และการต่อเรือ ไปนำเสนอให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าประเทศไทยมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ซึ่งจะเห็นได้ว่าภาคเอกชนมีการพัฒนาและความพร้อมมากพอที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน หากมองในกลุ่มประเทศอาเซียน 

เชื่อว่า EA และบริษัทพันธมิตร มีความพร้อมที่จะรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี เพราะเรามีธุรกิจที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของระบบยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าที่เป็นระบบชาร์จเร็วของเรือไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถชาร์จไฟได้ 800 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ภายใน 15 นาที

โดยในปี 2566 ตั้งเป้าจะเพิ่มสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้าให้ครบ 700 สถานี เพื่อรองรับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง”