มีวินัยอย่างสม่ำเสมอ

มีวินัยอย่างสม่ำเสมอ

การเรียนรู้เป็นหนทางในการปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ คนรุ่นใหม่ที่ก้าวผ่านคำสบประมาททั้งหลายมาได้นั้น มักมีจะมีบุคลิกสำคัญ 2 ข้อ นั่นคือ มีระเบียบวินัย และการมีความต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ

การทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่จะเห็นได้ชัดเจนถึงความรวดเร็ว สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันที่เป็นยุคปลาเร็วกินปลาช้า ไม่ได้เป็นแค่ปลาใหญ่กินปลาเล็กเหมือนในอดีต ความแตกต่างในจุดนี้เองที่ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างเจเนอเรชั่นที่แต่ละคนมีมุมมองแตกต่างกัน

เพราะคนในเจเนอเรชั่นก่อนมักเน้นที่ความสมบูรณ์แบบเป็นหลัก คือต้องรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์ พร้อมแล้วถึงจะเริ่มต้นทำอะไรอย่างจริงจัง บางครั้งรอจนความพร้อมเกิน 100% คือแทบไม่มีความเสี่ยงอะไรเลย ในขณะที่ธุรกิจทุกวันนี้พร้อมเดินหน้ากันตั้งแต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้แค่นั้น

คนรุ่นใหม่จึงดูเหมือนใจร้อน และไม่มีความใจจดใจจ่อเท่าที่ควรเพราะดูเหมือนจะพร้อมไปเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ทันที

แต่เราก็ยังเห็นคนรุ่นนี้ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ซึ่งเราจะพบว่าคนรุ่นใหม่ที่ก้าวผ่านคำสบประมาททั้งหลายมาได้นั้น มักมีจะมีบุคลิกสำคัญเพียง 2 ข้อเท่านั้น

นั่นคือมีระเบียบวินัย พร้อมจะทำตามแผนเพื่อให้ตัวเองมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งนั่นจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เอาชนะอุปสรรคทั้งหลายได้ เพราะในยุคที่ต้องเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ ทั้งที่ยังไม่มีความพร้อมเต็มที่จึงต้องทำไปแก้ไปตลอดเวลา

ที่สำคัญความมีระเบียบวินัยนั้นจะช่วยให้เราลุกขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้น เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ก็ย่อมมองเห็นปัจจัยเหตุและพร้อมจะก้าวต่อโดยไม่ทำความผิดซ้ำแบบที่เคยทำ สตาร์ตอัพในปัจจุบันจึงเน้นที่การล้มเร็วและลุกให้เร็วที่สุดเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า

ข้อที่สองคือ การมีความต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งต้องเป็นความต่อเนื่องที่สอดคล้องกับเป้าหมายในอนาคต เช่นต้องการเพิ่มทักษะด้านดนตรีจึงเรียนดนตรีเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะเล็งเห็นว่าจะนำดนตรีมาใช้เป็นองค์ประกอบของงานที่ทำในอนาคต รวมถึงทักษะอื่นๆก็เช่นเดียวกัน

ไม่ใช่ความสม่ำเสมอในการดูละคร หรือซีรี่ส์ใหม่ๆ ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มใดๆ ในชิวิตนอกจากการพักผ่อนหย่อนใจ ความสม่ำเสมอจึงช่วยให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้ทีละน้อยๆ และทำให้คนรอบข้างเชื่อมั่นในตัวเราเพราะมองเห็นการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

แม้ว่าเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตและประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้อาจดูเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย กล้าลงทุน หรือทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา แตกต่างกันไปตามบุคลิกลักษณะของแต่ละคน แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ 2 ข้อที่กล่าวมาเท่านั้น

สำหรับคนในเจเนอเรชั่นก่อนก็ไม่ได้หมายความว่าต้องจำยอมตกยุคตกสมัยไปแต่อย่างใด เพราะยังคงใช้ “การเรียนรู้” เป็นหนทางในการปรับตัวเข้ากับโลกใหม่ เพราะมีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นให้เราได้เรียนรู้ตลอดเวลา และความรู้ที่มีในอดีตก็อาจล้าสมัยไปทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าๆ กันในการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ

ส่วนคนรุ่นใหม่ก็อย่าชะล่าใจจนเกินไป เพราะแม้ว่าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกใหม่ได้เร็วกว่าคนรุ่นอื่น แต่ความไม่แน่นอนก็เกิดขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพที่ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวเพราะคนรุ่นใหม่ส่วนมากเชื่อมั่นในวัยหนุ่มสาวของตัวเอง

แต่การเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นไม่จำกัดว่าต้องเกิดขึ้นกับคนในวัยสูงอายุเท่านั้น และเมื่อคนรุ่นหนุ่มสาวต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ก็อาจกระทบกับครอบครัวในวงกว้างมากกว่าคนที่อาวุโสกว่า การใส่ใจดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญของคนในทุกเจเนอเรชั่น

การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพก็ต้องย้อนกลับไปอาศัยความมีระเบียบวินัย กับความสม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็น 2 ขอหลักที่ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ขัด