‘Pandemic’ แปลว่าอะไร หลังจาก WHO ยกระดับโรค COVID-19 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

‘Pandemic’ แปลว่าอะไร หลังจาก WHO ยกระดับโรค COVID-19 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

Pandemic คือ เชื้อโรคที่ระบาดไปทั่วโลก แต่สถานะการแพร่ระบาดไม่ได้หมายความว่าผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจาก COVID-19 และการประกาศอย่างเป็นทางการนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในโลก เพราะโรคเอดส์และไข้หวัดนก (H5N1) ก็เคยถูกประกาศอยู่ในภาวะนี้เช่นกัน

องค์กรอนามัยโลก (WHO) ประกาศยกระดับโรค COVID-19 เป็นการระบาดใหญ่ หรือระยะ Pandemic จากการแพร่ระบาดลุกลามไปแล้วใน 118 ประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อไวรัสมากกว่า 121,000 คน อีกทั้งยังคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 4,300 คน (นับถึงวันที่ 11 มี.ค.)

การประกาศอย่างเป็นทางการนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในโลก เพราะโรคเอดส์และไข้หวัดนก (H5N1) ก็เคยถูกประกาศอยู่ในภาวะนี้เช่นกัน

158400820497

  • Pandemic คืออะไร 

ตามความหมายของ องค์กรอนามัยโลก (WHO) คำว่า Pandemic คือ เชื้อโรคที่ระบาดไปทั่วโลกที่ทำให้อัตราการป่วยและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยมาจากรากศัพท์ภาษากรีก ที่แปลว่า ผู้คนทั้งหมด เป็นศัพท์ที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ เมื่อการระบาดหรือ epedimics ขยายวงออกไปในหลายประเทศ หรือหลายทวีปในเวลาพร้อมๆ กัน

การประกาศภาวะโรคระบาดโลก มีหลักการเบื้องต้นอยู่ 3 ประการ คือ 

  1. โรคสามารถก่อให้เกิดอาการป่วยจนถึงเสียชีวิต 
  2. มีการติดต่อระหว่างคนสู่คน 
  3. การแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ทั้งนี้ระยะภาวะต่างๆ การแพร่กระจายของโรคติดเชื้อมี 4 ระดับ คือ 

  1. Endemic (โรคประจำถิ่น) คือ โรคที่เกิดขึ้นประจำในพื้นที่นั้นๆ อัตราป่วยคงที่และสามารถคาดการณ์ได้
  2. Outbreak (การระบาด) คือ เหตุการณ์ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นผิดปกติ ทั้งในกรณีโรคประจำถิ่น และกรณีพบผู้ป่วยในโรคอุบัติใหม่ 
  3. Epidemic (โรคระบาด) คือ การระบาดที่แพร่กระจายกว้างขึ้นในเชิงภูมิศาสตร์
  4. Pandemic (การระบาดใหญ่ทั่วโลก) คือ โรคระบาดที่เกิดการระบาดทั่วโลก
  • นัยของการประกาศ Pandemic

การระบาดใหญ่นั้นไม่ได้หมายถึงการเพิ่มความรุนแรงหรือความตายของโรค แต่เป็นการเพิ่มขึ้นของการแพร่กระจายในวงกว้างทำให้โอกาสในการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่สถานะการแพร่ระบาดไม่ได้หมายความว่าผู้คนจำนวนมากกำลังเสียชีวิตจาก COVID-19

การระบาดใหญ่อาจจะเป็นได้ทั้งในแง่ปริมาณและผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งตัวอย่างนั้นมีทั้ง เอชไอวี โรคอหิวาต์ ไข้หวัดใหญ่สเปนในปี 1918 และโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 โรคระบาดที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์คือ กาฬโรค ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 200 ล้านคนในยุคกลางหรือศตวรรษที่ 14 และโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ที่มีผู้เสียชีวิต 300 ล้านคนในศตวรรษที่ 20 

158400824421

WHO เผยแพร่รายงาน 2017 ที่ระบุ 4 ขั้นตอนของการระบาดใหญ่

ขั้น Interpandemic phase - ระยะเวลาระหว่างการระบาดใหญ่

ขั้น Alert phase - เมื่อพบไวรัสตัวใหม่และมีการประเมินความเสี่ยงในระดับท้องถิ่นระดับชาติและระดับโลก

ขั้น Pandemic phase - ระยะเวลาของการแพร่กระจายทั่วโลก (ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าปัจจุบันโรค COVID-19 อยู่ในขั้นนี้)

ขั้น Transition phase - เมื่อความเสี่ยงทั่วโลกลดลงและประเทศที่ได้รับผลกระทบ เริ่มฟื้นตัว

หลังประกาศ Pandemic จะเกิดอะไรขึ้น 

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การที่ประกาศ Pandemic ไม่ได้ต้องการจะเปลี่ยนแปลงคำแนะนำในสิ่งที่ประเทศควรทำ แต่ส่วนสำคัญที่ทุกประเทศต้องคำนึงคือ 

1. เตรียมพร้อมรับมือ

2. ตรวจผู้ติดเชื้อ ป้องกันและรักษา

3. ลดการติดเชื้อ

4. คิดค้นและหาแนวทางป้องกัน

158400826192

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ยังเรียกร้องให้ทุกๆ ประเทศดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดและตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างจริงจัง แบ่งเป็น

สื่อสารให้ประชาชนในประเทศรู้ถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และวิธีการป้องกันตัวเองอย่างจริงจัง

ค้นหาผู้ติดเชื้อ กักกัน และ รักษาผู้ป่วยทุกคน รวมถึงติดตามผลอย่างใกล้ชิด

เตรียมโรงพยาบาลและสถานที่กักกันให้พร้อม

ป้องกันและฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงให้ทุกคนเฝ้าระวังกันและกัน