ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกพลัสขยายเวลาปรับลดการผลิต สหรัฐฯ อนุมัติแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังกังวลต่อเหตุความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกพลัสขยายเวลาปรับลดการผลิต สหรัฐฯ อนุมัติแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังกังวลต่อเหตุความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย

ราคาน้ำมันดิบ Dated Brent เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 62.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส)

ราคาน้ำมันดิบ Dated Brent เดือนกุมภาพันธ์ 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 62.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนก่อน หลังกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) ยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องตามข้อตกลงการปรับลดกำลังผลิตที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และซาอุดีอาระเบียสมัครใจในการปรับลดการผลิตเพิ่มเติมอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับลด เนื่องจากระบบไฟฟ้าขัดข้อง จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติในรัฐเท็กซัสเมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้ต้องหยุดดำเนินการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยราว 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และโรงกลั่นน้ำมันราว 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกพลัสขยายเวลาปรับลดการผลิต สหรัฐฯ อนุมัติแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังกังวลต่อเหตุความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย

ราคาน้ำมันดิบเดือนมีนาคม 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 65 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยตลาดยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัสที่ยังเป็นตามข้อตกลงเดิม โดยโอเปกพลัสตัดสินใจขยายเวลาปรับลดการผลิตต่ออีก 1 เดือน ไปสิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งซาอุดีอาระเบียอาสาเดินหน้าขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตเพิ่ม 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ออีก 1 เดือนเช่นกัน ประกอบกับตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางที่มีความไม่แน่นอน หลังกลุ่มกบฎฮูตีของเยเมน โจมตีท่าเรือส่งออกน้ำมันสำคัญของซาอุดีอาระเบียในวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา และการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันในกรุงริยาดห์ของซาอุดีอาระเบียถูกโจมตีเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันของประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ได้รับการลงนามโดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และการจ้างงานในสหรัฐฯ ให้ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดัน หลังตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับปัญหาผลข้างเคียงภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกา ส่งผลให้การแจกจ่ายวัคซีนตัวนี้ถูกระงับในหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปเป็นการชั่วคราว แม้ว่าหน่วยงานกำกับยาของสหภาพยุโรปออกมายืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย รวมทั้งหลายประเทศในยุโรปได้ประกาศกลับมาใช้วัคซีนของบริษัทนี้อีกครั้ง

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกพลัสขยายเวลาปรับลดการผลิต สหรัฐฯ อนุมัติแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังกังวลต่อเหตุความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย

ประเด็นที่ต้องจับตา ได้แก่ การประชุมโอเปกและพันธมิตรในวันที่ 31 มีนาคม - 1 เมษายนนี้ โดยคาดว่าอาจจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่อาจล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากปัญหาในการผลิตและการส่งมอบ

ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลังโอเปกพลัสขยายเวลาปรับลดการผลิต สหรัฐฯ อนุมัติแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดยังกังวลต่อเหตุความไม่สงบในซาอุดีอาระเบีย