ราคาน้ำมันเดือนตุลาคมทรงตัว ทั้งความต้องการใช้ในเอเชียเพิ่ม และอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันเดือนตุลาคมทรงตัว ทั้งความต้องการใช้ในเอเชียเพิ่ม และอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบในเดือนกันยายนปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังความต้องการใช้น้ำมันยังคงอ่อนแอ อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บางประเทศมีการขยายมาตรการปิดเมือง (lockdown) หรือเพิ่มมาตรการเข้มงวดทางสังคมมากขึ้น เช่น เกาหลีใต้ และสหราชอาณาจักร ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการที่ลิเบียปรับเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย (NOC) ประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน (Force majeure) และเริ่มกลับมาปฏิบัติงานที่หลุมขุดเจาะน้ำมันดิบอีกครั้ง หลังกองกำลังแห่งชาติลิเบียได้บุกยึดและสั่งปิดท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบไปตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 โดยในเดือนตุลาคม 63 ลิเบียได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิตราว 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2563 ที่ผลิตในระดับ 0.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ตลาดมีแรงหนุน จากการที่กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรได้ปฏิบัติตามแผนข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตรวมกว่าร้อยละ 101 ตามรายงานของรอยเตอร์ ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในแหล่งเก็บลอยน้ำทั่วโลก (floating storage) เดือนกันยายน 2563 ปรับลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 102 ล้านบาร์เรล แต่ยังคงอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ระดับ 54 ล้านบาร์เรล ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว    

ราคาน้ำมันเดือนตุลาคมทรงตัว ทั้งความต้องการใช้ในเอเชียเพิ่ม และอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

ราคาน้ำมันดิบในเดือนตุลาคมมีแนวโน้มทรงตัว แม้ว่าความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในเอเชีย หลังจีนนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนกันยายน 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.6 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และโรงกลั่น Rongsheng ของจีน ได้ออกมาซื้อน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางกว่า 10 ล้านบาร์เรล เพื่อให้ส่งถึงจีนในเดือนธันวาคม 2563 – มกราคม 2564 รวมทั้งโรงกลั่นน้ำมันในอินเดียจัดหาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมตอบสนองต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศที่จะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญได้แก่เทศกาลนวราตรี (Navratri) ในช่วงวันที่ 17 – 26 ตุลาคม 2563 และเทศกาลดีปาวลี (Diwali) ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2563 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังถูกกดดัน หลังปริมาณน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น จากจำนวนแท่นผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 16 ตุลาคม 63 เพิ่มขึ้น 12 แท่น มาอยู่ที่ 205 แท่น ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ทั้งนี้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คงคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกปีนี้ในรายงานเดือนตุลาคม 2563 ใกล้เคียงตัวเลขในรายงานเดือนก่อนหน้า โดยคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกจะอยู่ที่ระดับ 91.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ปรับลดลง 8.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 

ราคาน้ำมันเดือนตุลาคมทรงตัว ทั้งความต้องการใช้ในเอเชียเพิ่ม และอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาด ยังต้องติดตามการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ ที่อาจมีการปรับลดระดับการลดกำลังการผลิตจาก 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือนสิงหาคม – ธันวาคม 2563 เหลือ 5.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2564 หรืออาจจะคงการปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับเดิม เพื่อสอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและกดดันความต้องการใช้น้ำมัน รวมทั้งจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นี้

ราคาน้ำมันเดือนตุลาคมทรงตัว ทั้งความต้องการใช้ในเอเชียเพิ่ม และอุปทานน้ำมันดิบโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น