GC ไม่หยุดดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคนไทย คว้ารางวัลโครงการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำ และยั่งยืน (LCSi) ในระดับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

GC ไม่หยุดดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคนไทย คว้ารางวัลโครงการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำ และยั่งยืน (LCSi) ในระดับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC คว้ารางวัลโครงการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน (LCSi) ในระดับยอดเยี่ยม จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยในปีนี้ได้รับคะแนนเป็นอันดับที่ 1 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2563 ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพฯ โดยมีคุณจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มอบ ซึ่งรางวัลนี้เป็นการยืนยันว่า องค์กรที่ได้รับรางวัล มีความใส่ใจ ความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกและประเทศ เป็นการเชิดชูเกียรติให้แก่องค์กรธุรกิจตัวอย่างและยังเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับองค์กรอื่นๆ อีกด้วย

GC ไม่หยุดดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคนไทย คว้ารางวัลโครงการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำ และยั่งยืน (LCSi) ในระดับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “วันนี้ GC มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ ยึดมั่นในการนำแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน และหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ และผลักดันแนวคิด GC Circular Living เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยหนึ่งในกลยุทธ์หลักขององค์กร เรากำหนดเป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับเป้าหมายการลด GHG ของประเทศไทย ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ลงนามพันธสัญญาตาม Paris Agreement นอกจากนี้ GC ยังได้ตั้งเป้าหมายที่มีความเข้มข้น ด้วยการตั้งเป้าในการลดการปล่อย GHG ต่อหน่วยการผลิตลง 52% ภายในปี 2593 ตาม Science Based Target และ GC ยังเป็นผู้นำที่มีทิศทางการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคตโดยขยายขอบเขตจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ออกสู่โซ่คุณค่าทางอ้อมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (GHG Scope 3) ซึ่งเป้าหมายทั้งหมดนี้มีส่วนสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลก (SDG 13 - Climate Action)”

โครงการโดดเด่นที่ GC ได้ดำเนินการที่ผ่านมา และ สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ

  • โครงการ Heat Integrate Deheptanizer Overhead with Benzene Column Reboiler ซึ่งเป็นการลดการใช้พลังงานไอน้ำ โดยการแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างส่วนบนของหอกลั่นแยกกับเครื่องทำความร้อน (Reboiler) ที่หอกลั่นแยก กลับมาใช้ใหม่ตามหลักการ Heat Integration ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 19,910 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • โครงการปรับปรุงโรงกลั่นนํ้ามันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนพลังงานในกระบวนการผลิต เป็นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในโรงกลั่นน้ำมัน ด้วยการนำพลังงานความร้อนที่สูญเสียไปในบรรยากาศกลับมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิต ส่งผลให้มีการใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติที่เตาเผาและระบบผลิตไฟฟ้าและไอนํ้าลดลง โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้มากถึง 18,913 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เป็นบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
  • ล่าสุดนี้ GC ยังได้เข้าร่วมในโครงการนำร่องกับ TGO ในเรื่องการศึกษาการใช้กลไก Carbon Pricing ในบริษัทฯ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการนำแนวคิดทางทฤษฎีมาปฏิบัติจริงในอุตสาหกรรมนั้นจะเกิดประโยชน์อย่างไร

ในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ GC ดำเนินการผลิตนั้น ได้รับการรับรองเครื่องหมาย Carbon Footprint ครบทั้ง 100% และ Carbon Footprint of Reduction จาก TGO อย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี รวมทั้ง GC ยังมีการวางเป้าหมายนวัตกรรมที่จะมีผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษและผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Performance & Green Chemicals) เพิ่มเป็น 25% ภายในปี 2573 และยกเลิกการผลิตเม็ดพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในปี 2565

GC ไม่หยุดดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อคนไทย คว้ารางวัลโครงการประเมินและจัดระดับธุรกิจคาร์บอนต่ำ และยั่งยืน (LCSi) ในระดับยอดเยี่ยม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2

นอกจากนี้ GC ยังได้รับรางวัลอื่นๆ ในงานนี้ ประกอบด้วย

  1. รางวัลฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint of Reduction หรือ CFR) จำนวน 91 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูง ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น จากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 2% เมื่อเทียบกับปีฐาน
  2. 2. รางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product หรือ CFP) จำนวน 125 ผลิตภัณฑ์ คิดเป็น 100% ครบทุกผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นสูง ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น ผลิตภัณฑ์สาธารณูปโภค
  3. 3. รางวัลการชดเชยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Neutral) ของรายงานประจำปี และรายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการ ประจำปี 2562 จนมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Offsetting)

บริษัทใน GC Group ได้รับรางวัล ดังนี้

  • บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด หรือ PTT Phenol ได้รับรางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product, CFP) จำนวน 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กลุ่มฟีนอล
  • บริษัท จีซี โลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด หรือ GCL ได้รับรางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product, CFP) จำนวน 3 บริการ ได้แก่ การบรรจุ การจัดเก็บ และการขนส่งผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก
  • บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ได้รับรางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product, CFP) จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ รายงานประจำปี ประจำปี 2562 ภาษาไทย รายงานประจำปี ประจำปี 2562 ภาษาอังกฤษ รายงานความยั่งยืนแบบบูรณาการ ประจำปี 2562
  • บริษัท เอ็ช เอ็ม ซี โพลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC ได้รับรางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint of Organization, CFO) จำนวน 1 รางวัล
  • บริษัท ไทย เพ็ท เรซิน จำกัด หรือ TPRC ได้รับรางวัลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product, CFP) จำนวน 1 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เม็ดพลาสติก PET

จากการได้รับการยอมรับจากองค์กรสากล (Carbon Disclosure Project หรือ CDP) ในฐานะที่มีการดูแลสิ่งแวดล้อมระดับ A Level และมีความพร้อมจะขยายผลในเรื่องนี้ให้กับภาคส่วนอื่นๆ เพราะ GC มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เชื่อมโยงสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตและการบริโภคให้เกิดความยั่งยืน ลดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมโดยรวม  และขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกวัน วันนี้ GC Group จึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง “ความยั่งยืน” ด้วยการเป็นต้นแบบในการจัดการดูแลสิ่งแวดล้อมและสอดประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวม