แนวโน้มราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย หลังกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรพยายามรักษาสมดุลราคา ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง

แนวโน้มราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย หลังกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรพยายามรักษาสมดุลราคา  ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง

ราคาน้ำมันดิบในเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการผ่อนคลายหลังจากวิกฤต COVID-19 ในหลายประเทศ  ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันจากบางธุรกิจ บางอุตสาหกรรมที่ทยอยกลับมาดำเนินการได้หลังจากผ่านพ้นมาตรการเข้มงวด รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงของการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรอย่างเคร่งครัด ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ปรับลดการผลิตลงมาด้วยเช่นกัน แต่ความกังวลในเรื่องการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสองและสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ต่างฝ่ายต่างปิดสถานฑูตได้กดดันราคาในเดือนที่ผ่านมา สำหรับราคาน้ำมันดิบในเดือนสิงหาคมยังคงมีแนวโน้มทรงตัวและปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากการควบคุมการผลิตน้ำมันดิบอย่างมีประสิทธิภาพของกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตร แต่ความต้องการใช้น้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ที่กดดันราคาน้ำมันดิบเนื่องจากความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสองในหลายประเทศ 

แนวโน้มราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย หลังกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรพยายามรักษาสมดุลราคา  ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง

การประชุมย่อยในเดือนสิงหาคมในระดับรัฐมนตรีของกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตร (Joint Ministerial Monitoring Committee : JMMC) คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 97% ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และเชื่อมั่นในมาตรการความร่วมมือการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มฯ โดยปัจจุบันการปรับลดการผลิตน้ำมันดิบอยู่ในระดับ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี  นอกจากนี้ประเทศอิรัก ไนจีเรีย และคาซัคสถาน ยังร่วมกันลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมรวม 0.84  ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคมและกันยายน เพื่อเป็นการชดเชยหลังจากกำลังการผลิตน้ำมันดิบไม่เป็นไปตามข้อตกลงของกลุ่มฯ ในช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมา

แนวโน้มราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย หลังกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรพยายามรักษาสมดุลราคา  ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง

ความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศของสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในเดือนกรกฏาคมและสิงหาคมมาอยู่ที่ 18.3 และ 18.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามลำดับ (จาก 17.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนมิถุนายน)  อ้างอิงรายงาน US Oil Weekly จาก Energy Aspect ฉบับวันที่ 19 สิงหาคม 2563 โดยสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากความต้องการใช้ทุกชนิด ได้แก่ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเตา ทั้งนี้ ความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศต่างๆ ที่ผ่อนคลายมาตรการและไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง ช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันในตลาด

อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันของหลายประเทศ ตลอดจนมาตรการและท่าทีของผู้นำสหรัฐอเมริกาที่แสดงออกต่อประเทศต่างๆ ได้แก่ ประเทศจีน กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ  รวมถึงความเข้มข้นโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งขณะนี้คะแนนความนิยมในตัวโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเป็นรองคู่แข่งอยู่

แนวโน้มราคาน้ำมันปรับขึ้นเล็กน้อย หลังกลุ่มประเทศโอเปกและพันธมิตรพยายามรักษาสมดุลราคา  ขณะที่ตลาดยังมีความกังวลต่อการระบาดของเชื้อ COVID-19 รอบสอง