3 ทำเลฮิต ลงทุนคอนโดฯ พัทยา

3 ทำเลฮิต ลงทุนคอนโดฯ พัทยา

พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวติด 1 ใน 3 ของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้การลงทุนอสังหาฯ ในพัทยาน่าสนใจ

แม้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่าน กำลังซื้อจะหดหายไปบ้าง แต่ในระยะยาวพัทยายังเป็นทำเลที่มีอนาคต และคาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 10-15% จากปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงผังเมืองเพื่อการเติบโตของเมือง

รวมถึงการเปิด AEC อย่างเป็นทางการจะทำให้ธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้อสังหาริมฯ พัทยากลับมามีความโดดเด่นอีกครั้งจากชาวต่างชาติแถบเอเชีย ซึ่งถือเป็นอุปทานใหม่ของเมืองพัทยา

โดยเฉพาะพื้นที่ในโซนติดทะเลหรือซีวิว ได้แก่ โซนวงศ์อมาตย์ โซนพระตำหนัก และโซนนาจอมเทียน-บางเสร่ เป็นโซนที่มีการเติบโตที่ดี

อย่างไรก็ตาม การลงทุนอสังหาฯ ในพัทยาเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต้องเลือกทำเลที่มีศักยภาพ ในราคาที่เหมาะสม TerraBKK Research สัปดาห์นี้แนะนำทำเลที่น่าสนใจใน 3 ทำเลฮิต และลักษณะการลงทุนที่เหมาะสมในแต่ละทำเล

เริ่มจากหาดวงศ์อมาตย์ อยู่บริเวณตอนเหนือของพัทยา มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าทำเลอื่น เนื่องจากไม่มีถนนเลียบชายหาดกั้นกลาง ไม่มีเตียงผ้าใบ แนวร่มให้รำคาญสายตา หากจะเปรียบไปแล้วหาดนี้คล้ายกับ “ย่านสีลม” เป็นย่านการค้าสำคัญของคนในพื้นที่ และรายล้อมด้วยโครงการอสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ ทั้งโรงแรม รีสอร์ท และคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ยังมีที่ดินให้พัฒนาอย่างจำกัด จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย โดยราคาขายเฉลี่ย 110,000-140,000 บาทต่อตารางเมตร

ถัดมาเป็นหาดพัทยาเป็นหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีสถานบันเทิงครบวงจร และโรงแรม ที่พักบริการนักท่องเที่ยว หาดพัทยาแบ่งเป็น 3 โซนย่อย และแต่ละโซนมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ได้แก่ หาดพัทยาเหนือ พัทยากลาง และพัทยาใต้

สำหรับพัทยาเหนือและพัทยากลางเป็นที่อยู่ของนักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลี ส่วนพัทยาใต้เป็นที่อยู่ของชาวรัสเซีย ตะวันออกกลาง และเอเซียใต้เป็นส่วนใหญ่ คอนโดมิเนียมในหาดพัทยาส่วนใหญ่เป็น “ซิตี้ คอนโด (City Condo)” ไม่ติดชายหาด เนื่องจากมีถนนเลียบชายหาดตลอดทั้งแนว ราคาเฉลี่ย 75,000-85,000 บาทต่อตารางเมตร เหมาะอยู่อาศัยหรือลงทุนให้เช่า

หาดสุดท้าย หาดจอมเทียนเป็นทำเลที่ครอบครัวส่วนใหญ่เลือกพักผ่อน เนื่องจากเป็นหาดที่สงบและมีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนน้อย มีกิจกรรมทางน้ำ เช่น เจ็ทสกี วินด์เซิร์ฟ บานาน่าโบ๊ท เป็นต้น รวมทั้งรายล้อมด้วยร้านอาหาร และโรงแรมระดับ 3-4 ดาว สำหรับคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในทำเลนี้ส่วนมากจะไม่มีชายหาดส่วนตัวเพราะมีถนนเลียบชายหาดกั้นกลาง

แต่ห่างออกไปอีกนิดจะพบกับหาดนาจอมเทียน ห่างจากเมืองพัทยาเพียง 11 กิโลเมตร และเป็นอีกทำเลที่น่าสนใจ เนื่องจากยังมีคอนโดมิเนียมติดชายหาดส่วนตัว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับวันพักผ่อน ห้องพักทำเลนี้ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดใหญ่ระดับไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ย 100,000-150,000 บาทต่อตารางเมตร

ด้วยทำเลที่ใกล้กรุงเทพ และการเชื่อมต่อเที่ยวบินทั่วโลกทำให้การเดินทางไปพัทยามีความสะดวก นอกจากนี้ในอนาคตหากโครงการรถไฟความเร็วสูงเสร็จเรียบร้อยการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-พัทยาใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาทีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การลงทุนอสังหาฯ ในพัทยาในจังหวะนี้ต้องพิจารณาและชั่งน้ำหนักระหว่างทำเล และราคากันเป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงจากการการลงทุน

TerraBKK Research มีเช็คลิสต์ง่ายที่จะมาแนะนำ 4 ปัจจัย ได้แก่

ทำเล เป็นหัวใจสำคัญประการแรกของการลงทุนอสังหาฯ ราคาอาจจะสูงกว่า แต่ทำเลที่ดีย่อมมีศักยภาพในการทำกำไรที่เร็วกว่า และมากกว่า โดยต้องคัดเลือกโครงการที่อยู่ในย่านชุมชนที่ดี สิ่งแวดล้อมดี เดินทางสะดวก ใกล้สถานที่สำคัญๆ พร้อมทั้งประเมินดูว่าที่ดินบริเวณนั้นต้องมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นภายใน 1-3 ปี

คุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวก ควรเลือกโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนส่วนกลาง ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี ทันสมัย ใช้วัสดุคงทนถาวร เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นปัจจัยสำคัญรองจากทำเลที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สิน และเมื่อขายต่อมีโอกาสที่จะได้กำไรได้มากกว่า

ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ เนื่องจากคอนโดมิเนียมตามแหล่งท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ซื้อเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนช่วงวันหยุด นิติบุคคลอาคารชุดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำหน้าที่ดูแลส่วนกลาง ดังนั้นจึงต้องเลือกบริษัทพัฒนาโครงการที่น่าเชื่อถือ และมีทีมงานมืออาชีพบริหารงานในส่วนนี้ เพื่อให้โครงการได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง

เลือกซื้อถูกจังหวะ เพื่อกำไรสูงสุด การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง แม้ว่าอสังหาฯ ในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นตามทำเลและพื้นที่ที่ลดลง แต่ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำราคาอสังหาฯ ย่อมชะลอการปรับขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องศึกษาหาข้อมูล และติดตามแนวโน้ม ทิศทางการเติบโตของอสังหาฯ เพื่อหา “จังหวะ” ที่เหมาะสมในการลงทุน เพื่อสร้างผลกำไรที่ดี