ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่ม หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวและกลุ่มโอเปกพลัสเริ่มลดกำลังการผลิต

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่ม หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวและกลุ่มโอเปกพลัสเริ่มลดกำลังการผลิต

จากการที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคเดาน์ ด้วยอัตราจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง

จากการที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคเดาน์ ด้วยอัตราจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง และข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ แคนาดาและนอร์เวย์ อาจช่วยระบายน้ำมันดิบออกจากตลาด 13 – 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ทิศทางราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดเมือง จำกัดการเดินทางและงดกิจกรรมต่างๆ ในหลายประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด และจำนวนผู้ติดเชื้อแตะ 5 ล้านคนแล้ว

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่ม หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวและกลุ่มโอเปกพลัสเริ่มลดกำลังการผลิต

ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง

หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ปรับตัวลดลง หลายประเทศทั่วโลก อาทิ ออสเตรเลีย เยอรมนี ฝรั่งเศส และบางรัฐในสหรัฐฯ เริ่มเปิดเมืองและกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติ ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น สังเกตได้จากการคาดการณ์ของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (IEA) ที่ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2563 เดือนพฤษภาคมดีขึ้น โดยคาดว่าจะอยู่ที่  8.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ในเดือนเมษายนที่ 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ จากรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังประจำสัปดาห์ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2563  ตัวเลขน้ำมันดิบลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม มาอยู่ที่  0.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นสัญญาณสะท้อนถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ปริมาณการใช้น้ำมันดิบของจีนในเดือนเมษายน 2563 ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากมาตรการผ่อนคลายการปิดเมือง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 หลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเกาหลีใต้และจีน

ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับเพิ่ม หลังอุปสงค์เริ่มฟื้นตัวและกลุ่มโอเปกพลัสเริ่มลดกำลังการผลิต

โอเปกพลัสเริ่มลดการผลิตหนุนตลาด

เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปกหันมาร่วมมือกันในการลดกำลังการผลิตลง เพื่อรักษาสมดุลของตลาดน้ำมันไว้ โดยกลุ่มโอเปกและพันธมิตรในการประชุมฉุกเฉินของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2563 ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มอยู่ที่ 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน 2563 จากนั้นจะปรับลดการผลิตที่ 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมไปจนถึงสิ้นปี และจะปรับลดที่ 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ไปจนถึงเดือนเมษายน 2565 ซึ่งล่าสุด ซาอุดิอาระเบียประกาศจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากระดับ 8.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนพฤษภาคม 2563 และลงเพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบัน นอกจากนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และคูเวตประกาศจะร่วมลดกำลังการผลิตมากกว่าข้อตกลงอีกราว 0.18 ล้านบาร์เรลต่อวัน เช่นกัน ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมครั้งถัดไป เพื่อติดตามสถานการณ์ในวันที่ 10 มิถุนายน 2563

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อาจเกิดการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันและเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินและการออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลก