UOB Leadership Academy สร้างทักษะผู้นำสู่โลกแห่งอนาคต
ถ้าพูดถึง Digital Disruption เราอาจนึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการนำนวัตกรรมเข้ามาทดแทนกระบวนการทำงานแบบเดิม แต่หลายคนคงลืมไปว่า ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ การพัฒนา “คน” ในฐานะทรัพยากร คือส่วนสำคัญที่จะทำให้องค์กรฝ่ามรสุมของการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งเฉพาะกับธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาคอย่าง ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีเครือข่ายสำนักงานกว่า 500 แห่ง ใน 19 ประเทศ ทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรปตะวันตก และอเมริกาเหนือ ทรัพยากรมนุษย์เป็นตัวแปรสำคัญอย่างมากที่จะสร้างความโดดเด่นและนำมาซึ่งศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ
การเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่ยูโอบีให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ธนาคารได้มีการพัฒนาแผนพัฒนาบุคลากรที่ครอบคลุมพนักงานทุกระดับ เพื่อมั่นใจว่าจะสามารถสนับสนุนการเติบโตให้กับพนักงานทุกคน โดยหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มผู้นำและผู้บริหาร โดยธนาคารได้ร่วมกับ Chulalongkorn Business School หรือ สถาบันการศึกษาบริหารธุรกิจแห่งแรกของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก AACSB (The Association to Advance Collegiate Schools of Business) เพื่อพัฒนาหลักสูตรในการพัฒนาผู้บริหารของธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2556 โดยมีหลักสูตรการเรียนรู้สองระดับ ได้แก่ หลักสูตรพัฒนาผู้นำองค์กร (Ultimate Leadership Series) และ หลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Academy Level 1)
คุณศศิวิมล อารยวัฒนาพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ทรัพยากรบุคคล ธนาคาร ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า ยูโอบีให้ความสำคัญกับบุคลากรในองค์กรมาก เพราะพนักงานคือทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด เราจะต้องมั่นใจว่าพนักงานจะสามารถเติบโตไปพร้อมกับธนาคาร ซึ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ธนาคารได้มีโปรแกรม Leadership Academy ซึ่งใช้เป็นพื้นที่บ่มเพาะ เสริมแกร่งด้านทักษะการสร้างความรู้ใหม่ๆ ให้กับบุคลากรเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำขององค์กร
สำหรับ หลักสูตรพัฒนาภาวะผู้นำ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นพนักงานในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ถึงระดับ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โดยที่หลักสูตรจะเน้นเรื่อง การพัฒนาตนเอง การสื่อสารกับสมาชิกในทีม และการเตรียมความพร้อมให้มีภาวะการเป็นผู้นำในอนาคต ขณะที่หลักสูตรพัฒนาผู้นำองค์กรระดับสูง มีเป้าหมายที่จะพัฒนาผู้อำนวยการถึงผู้อำนวยการอาวุโส เพื่อเตรียมความพร้อมเป็นผู้บริหารต่อไป โดยมีเนื้อหาการเรียนรู้ในห้องเรียนควบคู่กับการฝึกปฏิบัติงานจริงและการนำเสนอ เป็นระยะเวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ ในโลกยุคปัจจุบัน ที่ดิจิทัลเข้ามามีอิทธิพลและบทบาทมากในการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตของเรา ไม่ใช่เฉพาะผู้นำและผู้บริหารเท่านั้นที่จะต้องเตรียมความพร้อม แต่หมายถึงพนักงานทุกคนในองค์กรที่จะต้องมีทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นสำหรับในอนาคตที่มีทั้งเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลและ soft skills ที่จำเป็น ธนาคารจึงจัดให้มีโปรแกรมพัฒนาทักษะแห่งอนาคตที่มีชื่อว่า Better U โดยเน้น 5 ทักษะสำคัญได้แก่การสร้าง Growth Mindset การพัฒนาทักษะในการแก้ปัญหาแบบซับซ้อน (Complex Problem Solving) ความรู้ความเข้าใจในการทำงานด้านดิจิทัล (Digital Awareness) ทักษะการออกแบบที่มองกลุ่มผู้ใช้งานเป็นหลัก (Human-Centered Design) รวมถึงทักษะการนำเอาข้อมูลไปใช้งาน (Data Storytelling)
“ทุกหลักสูตร เป็นหลักสูตรที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกคน เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจในปัจจุบัน ที่มีความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ซึ่งธนาคารยูโอบีให้ความสำคัญและลงทุนกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับ Digital Transformation, Design Thinking เหล่านี้คือทักษะที่เราสร้างให้กับพนักงาน เพื่อช่วยพัฒนาองค์กรให้สอดคล้องกับโลกยุคใหม่”
รศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงหลักสูตรที่จุฬาฯ พัฒนาร่วมกับธนาคารยูโอบี ว่า เป็นหลักสูตรเพื่อให้ผู้นำในยูโอบีมีวิสัยทัศน์และเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นผู้นำในความเปลี่ยนแปลงในยุค Digital Disruption
การปรับตัวในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มตั้งแต่การมีวิธีคิดหรือ Mindset ที่ถูกต้อง และ Mindset ของการเป็นผู้นำองค์กรในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่ใช่แค่การอยู่รอดในสถานการณ์ที่เทคโนโลยีกำลัง Disruption ธุรกิจที่มีอยู่เดิมเท่านั้น แต่เป็นการแสวงหาโอกาสใหม่ และมองถึงกลยุทธ์ที่จะเข้าไป Disruption องค์กรอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งขันได้ เหตุนี้ผู้นำองค์กรจึงต้องออกแบบและวางแผน กลยุทธ์อย่างเป็นระบบ และต้องมีความคิดรวบยอด วิพากษ์วิจารณ์ และมองเห็นสมรภูมิรบอย่างเป็นระบบ และการเอาไปใช้
“หลักสูตรไม่ได้เป็นแค่หลักสูตรที่เรียนเพื่อให้รู้ แต่ต้องการให้ทดลองทำในสถานการณ์จริง เกิดทักษะ และได้ประสบการณ์ที่หาไมได้ในโลกออนไลน์ เกิดการพัฒนากับผู้เรียน และองค์กร ซึ่งเมื่อบุคคลากรของยูโอบี นำไปใช้องค์กรก็จะได้ประโยชน์ และเมื่อยูโอบีซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของภูมิภาคแข็งแรง ก็จะสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่ง”
ทักษะแห่งอนาคตที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงของบุคลากรยูโอบี จึงเป็นทักษะแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็น การฉลาดใช้สิ่งที่มีในโลกดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ (Digital Intelligence) การมีทักษะการวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อกระเทาะปัญหาที่เกิดขึ้นและหาแนวทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม(Critical Thinking) การมองเห็นภาพรวม สร้างวิสัยทัศน์ และ การสร้างแรงกระตือรือร้นให้เกิดขึ้นในองค์กรและทีมงาน (Conceptual skill) การมีความคิดเชิงกลยุทธ์ คิดเปรียบเทียบเพื่อหามุมมองเอาชนะคู่แข่ง (Strategic Thinking) รวมถึงการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ (Emotional Thinking) ซึ่งทั้งหมดล้วนมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพและบริการขององค์กรธุรกิจยุคใหม่
คุณเจนวัฒน์ อริยเมธานันท์ ผู้อำนวยการ Portfolio & Regulatory Management ธนาคารยูโอบี เล่าประสบการณ์หลังจากผ่านการอบรมว่า มีโอกาสเข้าอบรมหลักสูตรตามโครงการ Leadership Academy ทั้งสองหลักสูตร ซึ่งแต่ละหลักสูตรได้ให้ทักษะที่แตกต่างออกไป และเกิดทักษะใหม่ๆ ที่การทำงานในสภาวะปกติไม่ได้ฝึกฝน เช่น ทักษะการเป็นผู้นำ ทักษะการสื่อสารกับทีมงานทั้งในเหตุการณ์ปกติและเมื่อเกิดวิกฤติ
“ส่วนตัว ผมทำงานด้าน Data analytic ซึ่งเชื่อมโยงกับ Digital Banking และพบว่าการได้เข้าเรียนหลักสูตรนี้ช่วยต่อยอดในการทำความเข้าใจกับลูกค้า (Consumer Inside) ซึ่งเป็นประโยชน์มาก เพราะปกติเราวิเคราะห์ข้อมูลก็เห็นข้อมูลพื้นฐาน การใช้งาน แต่การจะเข้าใจข้อมูลลูกค้ามากขึ้นต้องวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมให้ละเอียด เช่น เข้ามาใช้บริการในความถี่เท่าไร คาแรกเตอร์แบบไหน และใช้ผลิตภัณฑ์แบบใดบ้าง เพื่อไปกำหนดโมเดล ของลูกค้า ในการนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์”
ในวันที่โลกเดินหน้าและเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลง ธนาคารยูโอบีจึงไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะการเสริมสร้างทรัพยากรบุคคลที่จะต้องดีขึ้นในทุกด้าน ไปพร้อมๆ กับการทำงานอย่างมีความสุข เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าวันนี้และในอนาคต