“ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” แนะกลุ่มมั่งคั่งสูง แบ่งพอร์ตลงทุนนอกเพิ่มผลตอบแทน-ลดเสี่ยง

“ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์” แนะกลุ่มมั่งคั่งสูง  แบ่งพอร์ตลงทุนนอกเพิ่มผลตอบแทน-ลดเสี่ยง

 

บริษัทหลักทรัพย์  ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ แนะนักลงทุนแบ่งพอร์ตลงทุนในประเทศและต่างประเทศ 50: 50 หลังสถิติชี้ชัดช่วยเพิ่มความมั่งคั่งในเวลารวดเร็วและลดความเสี่ยงจากการลงทุน

นางจิรลาวัณย์ ตั้งกิจเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ พบว่า ถ้าลงทุนในประเทศไทยอย่างเดียว ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้าแบ่งพอร์ตลงทุนในไทย 50% และในต่างประเทศ 50% จะใช้เวลาเพียงแค่ 4.9 ปีเท่านั้น

นอกจากนี้หากพิจารณาในเรื่องความเสี่ยงการลงทุนในไทยตลาดเดียวมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลตอบแทนต่ำถึง 13.5% ในเวลาเดียวกันหากลงทุนในไทยและต่างประเทศอย่างละครึ่ง จะทำให้
ความเสี่ยงลดลงเหลือเพียง 9.5% เท่านั้น

นางจิรลาวัณย์ กล่าวว่า ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะเข้ามาปิดช่องว่างนี้ เพื่อสานต่อความต้องการของกลุ่ม “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” (High Net Worth Individuals หรือ HNWIs) ในประเทศไทยที่สนใจจะลงทุนในต่างประเทศ ด้วยการต่อยอดศักยภาพของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีฐานลูกค้าจำนวนมหาศาล ผสานกับจุดแข็งของจูเลียส แบร์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและบริหารความมั่งคั่งในระดับนานาชาติมานานกว่าร้อยปี โดยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีเครือข่ายที่ครอบคลุมในการลงทุนในต่างประเทศ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์จากทุกมุมโลก

ที่สำคัญคือการให้บริการแบบเปิดบนแพลตฟอร์ม Open Architecture ที่ไม่ได้ผูกติดกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ทำให้สามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์เป็นรายตัว ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จัดทำ “รายงานความมั่งคั่งในประเทศไทย ปี 2562 ฉบับแรกที่เจาะลึกเฉพาะตลาดในประเทศไทย โดยเก็บข้อมูลจากลูกค้ากลุ่ม “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” จำนวน 351 คน พบว่า กลุ่มลูกค้า “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” ในประเทศไทยยังไม่ได้รับบริการเกี่ยวกับการลงทุนในต่างประเทศอย่างเพียงพอและตรงตามความต้องการ

ดังนั้นการเลือกลงทุนโดยได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก จึงเป็นทางออกหนึ่งที่ทำให้ “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” เพิ่มพูนความมั่งคั่ง และบรรลุวัตถุประสงค์ด้านการลงทุนได้ อีกทั้งยังมีบริการที่ครอบคลุมนอกเหนือจากเรื่องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการวางโครงสร้างความมั่งคั่ง การบริหารภาษี การย้ายถิ่นพำนัก การวางแผนเกษียณ และ การเตรียมส่งต่อความมั่งคั่งให้แก่ทายาท

ขณะที่ผลสำรวจของบลูมเบิร์ก, เอ็มเอสซีไอ และ จูเลียส แบร์ ในช่วง 5 ปี หรือระหว่างปี 2558-2563 พบว่า สินทรัพย์ของกลุ่มมหาเศรษฐี หรือ กลุ่ม “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” ในประเทศไทย มีอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.9% ต่อปี โดยมีมูลค่ารวมกว่า 401,200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวในอัตรา 3% ต้นๆ เท่านั้น ผลสำรวจนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจอีกมากในตลาด “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง”

นางจิรลาวัณย์ กล่าวว่า บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า “ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง” โดยเฉพาะด้วยการนำเสนอจุดเด่นในการวางแผนการเงินเฉพาะบุคคล (Tailored made) ครอบคลุมตั้งแต่การวางกลยุทธ์ทางการเงินในภาพรวมไปถึงความต้องการเฉพาะด้านแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และการลงทุนในระดับโลก เพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจาก การลงทุนในตลาดใดตลาดหนึ่งจะมีความเสี่ยงมากกว่า และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนการลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในหลายตลาดและในหลายผลิตภัณฑ์ ให้กับลูกค้าในประเทศไทยภายใต้มาตรฐานการให้บริการเดียวกับที่ใช้ดูแลมหาเศรษฐีทั่วโลก