การลงทุนในหุ้นกู้
ในปัจจุบัน สภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนมากขึ้นจากผลของสงครามการค้า ทำให้ การลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียน อาจมีความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะปรับตัวลดลง แม้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่การลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะยังคงได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอในรูปของดอกเบี้ย และได้รับเงินต้นคืนเมื่อถือจนครบกำหนดไถ่ถอน
อย่างไรก็ตาม การที่เราซื้อหุ้นกู้บริษัทเอกชน เปรียบเสมือน เราปล่อยเงินกู้ ให้แก่บริษัทนั้นๆ เราจึงควรมีความเข้าใจในธุรกิจที่บริษัทลงทุน เพราะแม้แต่ธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญ ในการปล่อยกู้ ก็ยังมีโอกาสเกิดหนี้เสียได้ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงควรเข้าใจว่า จะมีโอกาสที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้จากการลงทุนในหุ้นกู้เช่นกัน
ที่ผ่านมา มีปัญหาเกิดขึ้น ในแวดวงหุ้นกู้ (เช่น กรณี EARTH) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) จึงได้มีการออกกฎเกณฑ์ เพื่อจัดระเบียบใหม่ เช่น
- มีตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุน
- ให้นักลงทุนทุกคนรู้ข้อมูลเท่าเทียมกัน
- ให้ผู้แนะนำการลงทุน คัดเลือกตราสารที่จะนำมาเสนอขาย โดยคำนึงถึงผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้
ก่อนจะลงทุนในหุ้นกู้ เราสามารถศึกษาข้อมูลต่างๆ ได้จากเวปไซต์ของสมาคมตราสารหนี้ไทย และกลต. โดยมีหัวข้อสำคัญ ได้แก่
- บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ จะนำเงินครั้งนี้ไปใช้ทำอะไร?
- ผลตอบแทน น่าดึงดูดหรือไม่? หรือ เปรียบเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในตลาด
- บริษัทประกอบธุรกิจอะไร รายได้หลักมาจากไหน?
- ประวัติบริษัท ประสบการณ์ผู้บริหาร
- บริษัท จะนำเงินจากแหล่งใด มาชำระคืน /สามารถชำระหนี้ในอนาคตได้หรือไม่?
- พิจารณางบการเงิน และที่สำคัญ คือ งบกระแสเงินสด(ซึ่งจะสะท้อนความสามารถในการชำระหนี้ ได้ดีกว่า)
- มีสินทรัพย์ค้ำประกัน หรือ มีผู้ค้ำประกัน การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ หรือไม่? (หากมี จะยิ่งดี)
- อันดับความเสี่ยงของบริษัท และ หุ้นกู้ ควรเลือกตราสารหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือในอันดับที่ลงทุนได้ (Investment Grade) ขึ้นไป
(ซึ่งอาจจะไม่เท่ากัน เช่น กรณีหุ้นกู้ที่ไม่กำหนดระยะเวลาไถ่ถอน (Perpetual Bond) จะมีอันดับความเสี่ยงต่ำกว่าอันดับความเสี่ยงของบริษัท เพราะตราสารมีลักษณะกึ่งหนี้ กึ่งทุน มีความเสี่ยงมากกว่า หุ้นกู้ปกติ ที่มีระยะเวลาไถ่ถอนแน่นอน)
ข้อดีหุ้นกู้
1. มีกระแสเงินสดรับที่แน่นอน โดยได้รับดอกเบี้ยตามงวดการจ่าย (3 เดือน ,6 เดือน ฯลฯ)
2. ได้รับเงินต้นคืน เมื่อครบกำหนดอายุตราสาร
ข้อเสียหุ้นกู้
1. ต้องศึกษาข้อมูลมาก
2. ต้องซื้อในจำนวนเงินคราวละมาก ๆ (ส่วนใหญ่ จะกำหนดขั้นต่ำ เช่น หนึ่งแสนบาท หรือ หนึ่งล้านบาท)
3. การยืดอายุการจ่ายชำระ มีโอกาสเกิดขึ้นได้
4. การผิดนัดชำระหนี้ มีโอกาสเกิดขึ้นได้
5. สภาพคล่องต่ำ เนื่องจาก หากต้องการขายก่อนครบกำหนด ต้องขายในตลาดรอง และอาจขายได้ราคาน้อยกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดข้อจำกัดดังกล่าว ปัจจุบัน สถาบันการเงินได้จัดตั้ง หน่วยงานที่เป็นกลางที่ได้คัดเลือกหุ้นกู้ ที่มีความน่าเชื่อถือ ฐานะการเงินดี และได้มีการพิจารณาความเสี่ยง และผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ลงทุน
TIPS:
ปัจจุบัน ยังมีสถาบันการเงิน ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้า ให้สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นกู้ตลาดรอง ผ่าน Mobile Application ได้ทุกที่ ทุกเวลา และมีบริการแนะนำหุ้นกู้ที่น่าสนใจลงทุนอีกด้วย