คลังชง สินเชื่อบ้าน 5 หมื่นล้าน เข้าครม. สัปดาห์หน้า -ถกสมาคมธนาคารไทย 1 พ.ย.

คลังชง สินเชื่อบ้าน 5 หมื่นล้าน เข้าครม. สัปดาห์หน้า -ถกสมาคมธนาคารไทย 1 พ.ย.

กระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการชุดใหญ่ กระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้ง สินเชื่อ ซื้อ แต่ง ซ่อมบ้าน วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ เข้า ครม.สัปดาห์หน้า - เตรียมถกสมาคมธนาคารไทย วันที่ 1 พ.ย. หารือหนี้บ้าน รถกระบะ

นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 5% ของจีดีพีประเทศไทย หรือมีมูลค่าประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท โดยที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้วางมาตรกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์มาตลอด ทำให้ตลาดมีการฟื้นตัวมาต่อเนื่อง

สำหรับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์รอบใหม่ที่ออกมามีทั้ง การจัดทำโครงการสินเชื่อซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง บ้านและคอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงิน 55,000 ล้านบาท มีแผนเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า หรือวันที่ 5 พ.ย.2567 เพื่อทำให้คนรายได้น้อย ได้เข้าถึงสินเชื่อบ้าน สำหรับการซ่อมแซมบ้าน และต่อเติมบ้าน พร้อมได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำ 

 

อีกมาตรการที่สนใจทำคือ การทำโครงการสินเชื่อบ้านกลุ่มแรงงาน หลายสิบล้านคน ดอกเบี้ยต่ำ โดยดำเนินการผ่านการร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน โดยหากได้รับความสนใจสูง อาจขยายวงเงินที่ 40,000-50,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ได้มีการกำหนดวงเงินไว้ที่ 10,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วง 5 ปีแรก ที่ 1.59% ต่อปี

นอกจากนี้มีแผนจัดมาตรการชุดใหญ่อีกรอบพลิกตลาด ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา

วันที่ 1 พ.ย. คลังเตรียมหารือ สมาคมธนาคารไทย แก้หนี้บ้าน-รถกระบะ

สำหรับในวันที่ 1 พ.ย.2567 กระทรวงการคลังหารือสมาคมธนาคารไทยรวมหารือมาตรการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อกระตุ้นตลาด พร้อมร่วมมือหารือแก้ปัญหาหนี้บ้านและหนี้เสียจากสินเชื่อรถกระบะ โดยแนวทางที่วางไว้เบื้องต้น อาจมีการหารือลดภาระดอกเบี้ย เช่น พักดอกเบี้ย หรือยกดอกเบี้ยมีเงื่อนไข รวมถึงหารือ แนวทางยืดอายุผ่อนบ้าน สำหรับบุคคลธรรมดา 80 ปี และข้าราชการ 85 ปี 

ทางด้านมาตรการอื่นๆ รวมถึง "แอลทีวี" นั้น ต้องขึ้นอยู่กับธนาคาคารแห่งประเทศไทย จะวางแนวทางผ่อนคลายอย่างไรต่อไป

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ภาครัฐได้วางแนวทางกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์มาตลอด ทั้งการร่วมจัดทำสินเชื่อบ้าน Happy Home วงเงิน 20,000 ล้านบาท ได้ปล่อยสินเชื่อเต็มแล้ว และ สินเชื่อ Happy Life วงเงิน 18,000 ล้านบาท ที่ได้รับความสนใจสูง

ทั้งนี้ประเมินว่า จากมาตรการทั้งหมด จะร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2568

สำหรับ ภาพรวมจีดีพีไทยในปี 2567 อยู่ระหว่างการฟื้นตัว คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.7% และในปี 2568 จะกลับมาขยายตัวได้ 3.5%