สบู่สมุนไพรแบรนด์ "ไอศิกา"

สำหรับสถานการณ์ที่ผ่านมาถือว่าหลายบริษัทฯ ได้รับผลกระทบเยอะมาก ทั้งเรื่องปลดพนักงานเพื่อบริหารค่าใช้จ่ายกับรายได้ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่สำหรับเครือสุภาภรณ์ถือว่าเป็นวิกฤตที่ทำให้ผู้บริหารหนุ่ม คุณมะตูม-อัคเรศ สุขตลอดชีพ มองว่านี่คือ "โอกาส"ที่ challenge มากกว่าเราจะพยุงบริษัทให้อยู่รอดได้หรือเปล่า? แก้ใขปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร? เราจะเจอทางออกใหม่ๆไหม?
อีกหนึ่งทางออกเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท คุณมะตูมหาทางส่งสินค้าออกไปในประเทศที่ความต้องการ กำลังซื้อ และเชื่อในคุณภาพสินค้าสกินแคร์สมุนไพรไทย ในประเทศแถบตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อนำรายได้จากต่างประเทศเข้ามาช่วยบริษัทในเครือ แบรนด์ในเครือที่คุณมะตูมส่งออกไปประเทศในแทบตะวันออกกลางและได้ความนิยมมากจากนั้นก็คือแบรนด์ "สมุนไพรไอศิกา" ซึ่งเป็นสบู่สปาสมุนไพร 7 ชนิด สูตรเย็น (ขนาด 70 กรัม) แบบมีเป็นถุงผ้า เพื่อใช้ในการอาบน้ำและขัดผิวกายได้อีกด้วยนับว่าเป็นอีกทางหนึ่งที่สร้างรายได้หลายล้านบาทให้กับบริษัทในช่วงวิกฤตโควิด-19
คุณมะตูมกล่าวว่า

"ที่ผ่านมาตั้งแต่เจอ โควิด-19 เครือบริษัทเราได้วางแพลนหาทางออกไว้หลายทางครับ ทางไหนที่สร้างรายได้ให้เข้าบริษัทได้ เราทำหมดทุกทาง ไม่ว่าจะผลิตสินค้า OEM ในประเทศหรือส่งออกต่างประเทศก็ตาม อย่างแบรนด์ "ไอศิกา" สินค้าในเครือเราก็จะดังเรื่อง "สบู่สมุนไพร 7 ชนิด" ในไทยอยู่แล้วครับ ขายดีติดอันดับสบู่เย็นที่ไทย ผมมองแล้วว่าส่งไปประเทศแถบที่มีอากาศร้อน และมีความชอบเรื่องสมุนไพรไทย ยังไงก็ขายได้ พอส่งไปประเทศแถบตะวันออกกลางก็ได้การตอบรับที่ดีมากๆเลย เพราะสินค้าเราคุณภาพดี คู่ค้าเรามีศักยภาพในการกระจายสินค้า ราคาจับต้องได้ คู่ค้าซื้อไปขายต่อก็ยังได้กำไร ตอนนี้มีวางจำหน่ายที่ร้านขายยาในตะวันออกกลางมากกว่าพันสาขาแล้วครับ ตอนมีโควิด-19 ทางเราก็พยายามหาทางออกส่งสินค้าไปประเทศซาอุดิอาระเบียให้ได้ ทางเครือบินไม่ได้ สินค้าติดอยู่เป็นเดือน เราก็มาส่งทางเรือแทน เพราะซาอุเขายังมีกำลังซื้ออยู่มากพอสมควรครับฝนช่วงที่ผ่านมา เอกสารส่งออกติดตรงไหนตอนโควิด ทีมต่างประเทศเราแก้ใขได้หมด โชคดีที่เรามีทีมงานที่ดี มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพื่อความอยู่รอดขององค์กรและบุคลากรทุกคน ทุกปัญหามีทางออกเสมอครับ คิดแล้วทำ ทำไปแล้วไม่สำเร็จ ก็หาทางใหม่ ถ้าเราเครียดมากและมองแต่ปัญหา คิดฉันต้องไม่รอดแน่เลย จะหาเงินมาจ่ายแบงค์ทันไหม เราคงไม่มีเวลาไปหาทางออกหรือคิดกลยุทธ์ใหม่ๆได้ครับ ยิ่งเป็นหัวเรือยิ่งต้องมีสติดีๆ ใจต้องนิ่ง เพราะเราไม่ได้อยู่ในเรือลํานี้คนเดียว ยังมีผู้โดยสารอีกหลายคนที่ใว้ใจฝากชีวิตไว้กับเรา"

ปีนี้เครือสุภาภรณ์วางแพลนที่จะบุกตลาด ในตะวันออกกลางมากขึ้น และจะโฟกัสไปที่กลุ่ม GCC (Gulf Cooperation Council) หรือกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอ่าวอาหรับ ประกอบด้วย 6 ประเทศได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โอมาน กาตาร์ คูเวต บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นอีกช่องทางในกระจายสินค้าสกินแคร์สมุนไพรไทยและเพิ่มรายได้อีกทาง ไม่ว่าจะเป็นสบู่สมุนไพร ยาสีฟันสมุนไพร ผงสมุนไพรต่างๆ เพราะมองเห็นแล้วว่ากลุ่มสินค้านี้มีอนาคตสามารถเติบโตได้อีกหลายเท่าตัวในประเทศตัววันออกกลาง แถม 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเครือสุภาภรณ์ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นในประเทศไทยจากการทำการตลาดใหม่ของแบรนด์ในเครืออีกด้วย เรียกได้ว่าทุกวิกฤตย่อมีโอกาสเสมอจริงๆ