โอกาสขายสินค้าให้ปังจากเทพ Facebook “สรกฤช พิชยดนัยกุล”

ในบรรดากูรูเฟสบุ๊ก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่สำคัญมากของออนไลน์ อดไม่ได้ที่จะกล่าวถึงเขาคนนี้ อาจารย์สรกฤช พิชยดนัยกุล (อ.วุธ) เจ้าของฉายา "เทพ Facebook" ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอโอเอ็ม.สามหกห้า จำกัด / Aom.365 Co., Ltd.

เขาดูแลดูแลเพจในมือปัจจุบัน 80 เพจ ถ้าผ่านมือมาแล้วก็เกิน 200-300 เพจแล้ว และยังให้บริการ Digital Marketing แบบครบวงจร เป็นวิทยากร In-House Training ให้องค์กรต่างๆมากกว่า 50 ที่ เป็นที่ปรึกษาการตลาดออนไลน์ให้กับธุรกิจมากกว่า 10 แห่ง สอนนักเรียนในคอร์ส Facebook Ads & Marketing มาแล้วหลายพันคน

แม้ว่าการขายของออนไลน์จะเป็นเทรนด์ใหม่ในยุคโควิด 19 หลายคนเลือกช้อปออนไลน์มากกว่าไปที่ช้อปของสินค้า ซึ่งอ.วุธให้มุมมองสำหรับการขายสินค้าออนไลน์ในช่องทางของเฟสบุ๊กว่า การขายของออนไลน์สำคัญมาก จะขายให้ปัง ต้องเข้าใจองค์ประกอบออนไลน์ เราจะทำโฆษณาที่ไหน FB เก็บเงินเราจากอะไร ซึ่ง FB เก็บเงินเราจากการมองเห็น เมื่อมีคนมองเห็นสินค้าก็คือเสียเงินแล้ว ไม่ว่าจะมีคนคลิกหรือไม่คลิกก็เสียเงินแล้ว

ดังนั้นการยิงโฆษณาสู่เป้าหมายต้องยิงให้ตรง ทุกภาพต้องพยายามให้เป็นโปรโมชั่น ภาพต้องชัด ภาพต้องโดน ราคาต้องได้ สินค้าจึงจะขายได้ และจะขายอะไรต้องศึกษาคู่แข่งเยอะๆ นำคู่แข่งมาปรับใช้

หลายคนบอกว่า ไม่รู้จะเริ่มที่สินค้าไหนให้ขายได้ขายปังในยุคนี้ มุมมองของอ.วุธบอกว่า สินค้าที่เราจะเลือกมาทำโฆษณา อย่าพยายามเลือกสินค้าราคาถูก กำไรน้อยเกินไป เช่น กำไรแค่ 50 บาท ไม่ว่าเราจะเสียงบโฆษณาสำหรับสินค้าราคาถูกหรือแพงภายใต้งบเดียวกัน คนจะมองเห็นเท่ากัน ดังนั้นหากเลือกสินค้าผิดตั้งแต่ต้นก็ถือว่าเหนื่อยตั้งแต่แรก ให้เลือกสินค้าราคาที่ค่อนข้างดีหน่อย

อ.วุธมองว่า ปัจจุบันสินค้าประเภทสกินแคร์ทำตลาดยาก การแข่งขันสูงมาก แต่สินค้าที่มีโอกาสดีคือสินค้าประเภทแฟชั่น จะยังขายได้ตลอดใน FB

การทำจะทำโฆษณา Facebook Ads ให้ปังในยุคนี้ อ.วุธมองว่า ต้องเข้าสู่หัวใจของโฆษณา การหากลุ่มเป้าหมายเทคนิคทั้งการหากลุ่มเป้าหมายแบบวงกว้างและแบบวงแคบ ซี่งมีข้อดีต่างกัน จะต้องเข้าใจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกในการทำโฆษณา สามารถดู Analytics เชิงลึกเป็น การเข้าไปดูเพจคู่แข่ง อะไรบ้างที่เราสามารถนำมาใช้ได้ โฆษณามีอะไรบ้าง และแบบไหนที่เราควรเลือกใช้ การทำ Canvas ให้ลิ้งไป Line OA โดยตรง

เขามีมุมมองว่า ธุรกิจที่จะอยู่ได้นานและคุ้มค่าต่อการยิงแอด ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบริการ ทำหน้า ทำจมูก ทำฟัน ผู้ขายจะได้งบต่อบิลค่อนข้างสูง แต่หากขายสินค้าตัวละ 199 ความเหนื่อยก็ยากขึ้น จะต้องใช้วอลุ่มการขายจำนวนมาก ถึงจะคุ้มกับค่ายิงแอด

“ผมว่าหากเราเลือกหรือมีสินค้าง่ายต่อการขาย การยิงแอดตั้งแต่ต้น การทำโฆษณาก็ง่ายตาม”

การขายใน FB ไม่ใช่ว่าต้องเน้นใช้งบให้เยอะๆ แต่ต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่จะยิ่งแอดให้ถูกมากกว่า เช่นถ้าคุณจะขายสินค้าแก้ฝ้าหรือกระ คุณอาจต้องดูว่าลูกค้าอาจจะต้องเป็นวัย 50 ขึ้นไป ไม่ใช่เลือกแบบเหวี่ยงแห คุณจะมีกลุ่มเป้าหมายกว้างมาก ฐานใหญ่เกินไปก็ใช่ว่าจะดี เลือกให้ตรงดีกว่า เพราะ FB มีข้อดีคือคุณเลือกเป้าหมายตรงได้เลย”

สำหรับแพลทฟอร์มการขายที่สำคัญในมุมมองของเขา เขามองว่า Facebook , Instgram และ Google Ads เป็นอะไรที่ได้รับความสนใจมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่น้องใหม่มาแรงคือติ๊กต๊อก และไลน์ ซึ่งในส่วนของติ๊กต๊อกนั้น วัยรุ่นและเด็กๆ จะนิยมเล่นกันมาก ก็น่าจะนำสินค้าของวัยรุ่นและเด็กไปลงในกลุ่มนั้น ต้องดูว่าสินค้าเป็นช่วงอายุเท่าไร เหมาะกับแพลทฟอร์มใด ส่วนไลน์นั้นโฆษณาจะไปจะโชว์ในไทม์ไลน์ อนาคตอาจจะดี แต่ทำยังไงให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าถูกรบกวน นั่นเป็นโจทย์ของเขา หรือถ้ากูเกิล แอดนี้เรียกได้ว่าดีแน่นอน เพียงแต่แข่งกันที่เม็ดเงิน

ขณะที่กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับ Facebook นั้น ในมุมมองของอ.วุฒิ เขาเห็นด้วยกับเฟสบุ๊ก โดยมองว่าการขายสินค้าก็ควรทำในเพจขายสินค้า ซึ่งเฟสบุ๊กต้องการแยกเพจการโฆษณาสินค้าจากเพจบุคคล คนจะได้เชื่อถือและนิยมใช้เฟสบุ๊กต่อไปยาวๆ

ทั้งนี้แม้เฟสบุ๊กจะลดการมองเห็นและการเข้าถึงลงมา แต่หากเราทำคอนเท้นท์ไหนให้ดี ก็จะยังส่งเสริมคอนเท้นท์อื่นไปด้วย เช่นหากวันจันทร์ทำคอนเท้นท์ได้ดี วันอังคารก็ยังจะมีกระแสการขายดีต่อ

เทคนิคในการทำสินค้าให้ขายดี หากเป็นสินค้าที่อาจมีความเสี่ยง ต้องเข้าใจกฎของเฟสบุ๊ก ข้อความอะไรก็ตามที่เกินจริงอาจโดนระงับโฆษณาหรือโดนแบน เช่นการันตี 7 วันดีแน่ หายแน่ ลงภาพก่อน-หลัง (Before-After) แต่ก็มีเทคนิคเลี่ยงเช่น อย่าเขียนคำว่า ก่อน-หลังในรูป ให้แยกรูปขาดจากกัน ลดขนาดรูปของก่อน-หลังให้ไม่เท่ากัน หากต้องลงคำว่า 7 วัน คำว่า 7 และคำว่า วันให้ใช้คนละสี คนละฟ้อนท์ คนละขนาด สามารถหลบ AI ของเฟสบุ๊กได้

สินค้าใดหากผิดระเบียบของเฟสบุ๊ก ควรลบแล้วทำใหม่ อย่าดึงดันไปเรื่อยๆ อาจโดนแบนทั้งเพจในระยะต่อไป

การเริ่มต้นโฆษณา อาจจะยังไม่ต้องเริ่มด้วยงบสูงมาก อาจจะเริ่มสักวันละ 300-500 เพื่อทดสอบตลาด อย่าเลือกกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเดียว ลองใช้สัก 5 กลุ่มแล้วทดสอบดูว่ากลุ่มไหนเหมาะกับสินค้าเรา เช่นหากเราเรายิงโฆษณา 5 ภูมิภาคทั่วประเทศแล้ว ภาคใต้ขายดีที่สุด เราก็มาเน้นยิงโฆษณาเพิ่มลงภาคใต้

ธุรกิจโรงแรมหรือบริการการขายคูปองห้องพักกำลังมาแรง คนอยากเที่ยวเมืองไทย เพราะยังไปต่างประเทศไม่ได้ แต่ต้องทำโปรโมชั่นให้โดนจริงๆ ยิงแอดให้ถูกเป้าหมาย เช่นมีโรงแรมที่หาดใหญ่ ก็ไม่ควรยิงแอดลงภาคใต้อีก ควรยิงกทม. เชียงใหม่หรือชลบุรี เป็นต้น และการขายห้องพักก็ไม่ควร Hard Sale แต่โรงแรมอย่างเดียว ควรเพิ่มที่เที่ยวใกล้เคียงไปด้วย ทำFont ตัวหนังสือให้สวยภาพให้สวย แต่งภาพให้น่าซื้อ ดูคู่แข่งในตลาดว่าเขาใช้โปรโมชั่นอะไรก็อย่าน้อยกว่าเขา

ขณะที่ Instagram นั้น เหมาะกับการขายสินค้าสำหรับผู้หญิง ซึ่งหากเรามีสินค้าแนวแฟชั่นหรือสินค้าผู้หญิงก็ควรไปยิงแอดในอินสตาแกรมเป็นต้น

สำหรับบริษัท เอโอเอ็ม.สามหกห้า จำกัด / Aom.365 Co., Ltd.ของเขานั้น ได้รวบรวมทีมงานมืออาชีพที่เก่งในสายงานของตัวเองจริงๆ มารวมไว้ในทีเดียว และทีมงานทำงานจากประสบการณ์ตรง จึงจะแก้ปัญหา และทำโฆษณาพร้อมกับสร้างยอดขาย ได้จริง ไม่ต้องกลัวการทิ้งงานอย่างแน่นอน วัดผลกันแบบตรงๆ ต้องการยอดขาย PR ทำให้ได้หมด มีการบริการหลายรูปแบบ อาทิเช่น 1. การทำโฆษณาโดยใช้ แพลตฟอร์มต่างๆ ที่ในโลกออนไลน์มี และอัพเดทตลอดเวลา Facebook / Google / Instagram / Lazada / Shopee / SEO / Youtube
2. เปิดหลักสูตร อบรบในรูปแบบของการ สอนที่จับต้องได้จริง ทั้ง In House ในสอนใน บริษัท หรือองค์ต่างๆ คอร์สสอนส่วนตัว สอนถึงที่ เน้นอยากรู้แบบเจาะลึก หลักสูตรสอนประจำเดือน มีทุกเดือน

1. การสร้างแพลตฟอร์มต่างๆ ในโลกออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์ เต็มรูปแบบ หรือ Salepage สร้างร้านค้าในโลกออนไลน์
2. รับออกแบบภาพ ถ่ายรูปสินค้า กราฟฟิกต่างๆ โดยทีมงานมืออาชีพ ทั้ง Logo / Mock up / Infographic ถ่ายรูปสินค้า รูปคน คลิปวีดีโอต่างๆ ตัดต่อ ตกแต่ง คลิปวีดีโอไว้สำหรับการทำโฆษณาหรือ PR
   
   สัมภาษณ์โดย ประธานมีเดีย แอนด์ บล็อกเกอร์ คลับ ,บล็อกเกอร์ Travelista นักเดินทาง (สาธิตา โสรัสสะ) ผู้อำนวยการคอร์สออนไลน์ที่ปังดังเต็มเร็วทุกคอร์ส www.blogtechtech.biz