อพท. ยึดนโยบาย "หน่วยงานต้นน้ำ"

อพท. ยึดนโยบาย "หน่วยงานต้นน้ำ"

อพท. ยึดนโยบาย "หน่วยงานต้นน้ำ"หลังพ้นโควิด-19 เล็งผสานเอกชน พัฒนาเส้นทาง -อัพเกรดไกด์

นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.  กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ และส่งผลกระทบต่อบริษัทนำเที่ยว โรงแรมที่พัก ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร เป็นต้น

สำหรับ อพท. ในฐานะหน่วยงานต้นน้ำ ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ยังคงใช้ช่วงเวลานี้มุ่งพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้กับชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวตามแผนงานเดิมที่กำหนดไว้ เช่น 1.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษให้ได้มาตรฐาน TOP 100  และการขับเคลื่อนเมืองในพื้นที่พิเศษเพื่อเข้าสู่เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network - UCCN)

***พ้นโควิด-19 ผนึกเอกชนพัฒนาไกด์และเส้นทาง***

แต่อย่างไรก็ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดหาแนวทางช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนคณะกรรมการ อพท. ก็ได้มอบเป็นนโยบายนั้น อพท. จึงได้เตรียมดำเนินงานภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เริ่มดีขึ้น โดยจะปรับแผนการทำงาน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ  ส่วนของการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับภาคเอกชน โดยการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2563 จัดเป็นกิจกรรมอบรมนักสื่อความหมายท้องถิ่นให้แก่ชุมชน โดยใช้มัคคุเทศก์อาชีพเป็นวิทยากรให้ความรู้  เพื่อยกระดับเพิ่มศักยภาพให้แก่ชุมชน ขณะเดียวกันมัคคุเทศก์อาชีพก็จะมีรายได้และมีงานทำจากความชำนาญที่มีอยู่ และจะร่วมกับบริษัทนำเที่ยวพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชนและพื้นที่พิเศษของ อพท. เพื่อจะได้สินค้าและบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น  

ส่วนของการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว จะร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และ สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวภูมิภาคแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว โดยจะดำเนินการในแผนงานนี้ภายหลังสถานการณ์คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

"ทั้ง 2 กิจกรรดังกล่าว ถือเป็นการช่วยเหลือมัคคุเทศก์ และบริษัทนำเที่ยว ไปพร้อมกัน เพื่อช่วยแก้ไขผลกระทบจากภาคท่องเที่ยวที่จะได้ผลกระทบจากการแพร่ระบาทของเชื้อไวรัส โควิด -19  โดยในการปรับแผนการดำเนินงานนี้ อพท. จะใช้เงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรประจำปีงบประมาณ 2563 ตามเดิม แต่ปรับเปลี่ยนเพียงกิจกรรมในการดำเนินงาน แต่ยังคงไว้ซึ่งเป้าหมายและยุทธศาสตร์ของ อพท. ในเรื่องของการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาและสร้างมาตรฐานการท่องเที่ยวในพื้นที่ต้นแบบและพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายมุ่งสู่ความยั่งยืน"

*** ประกาศ Work from home***

ผู้อำนวยการ อพท. ยังกล่าวถึงการบริหารจัดการภายในองค์กรเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ว่า ได้ดำเนินการตามประกาศของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดในเรื่องของการให้แนวทางแก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ โดยล่าสุดได้ประกาศให้เจ้าหน้าที่ พนักงาน ผู้ปฏิบัติงานของ อพท. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค Work from home ทำงานผ่านระบบ อี-ออฟฟิศ  ประสานงานผ่านโทรศัพท์ และโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ เฟสบุ๊ค  ในเบื้องต้นเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 6 เมษายน 2563 เริ่มทำงานปกติในวันที่ 7 เมษายน 2563    กรณีมีภารกิจที่จำเป็นก็สามารถเข้ามาปฏิบัติงานที่ออฟฟิศได้ เช่น รับและส่งเอกสารที่ไม่สามารถนำเข้าระบบได้ หรือกรณีการประชุมจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น

สำหรับ อี-ออฟฟิศ คือ ระบบปฏิบัติการที่ อพท. พัฒนาและใช้เป็นระบบหลักในการทำงานภายในองค์กรมาเกือบ 10 ปี เป็นระบบที่สามารถลงนาม  บันทึกข้อความ หรือ จัดการงานด้านเอกสาร ได้เกือบครอบคลุมทั้งกระบวนการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานได้ขอเข้ามาศึกษาดูงานระบบดังกล่าว ที่ อพท. ปีละหลายๆ หน่วยงาน  เพื่อเป็นต้นแบบไปปรับใช้ในองค์กรของตัวเอง  

-------------------------------------------------