เที่ยวเซนได ไปยลโทโคฮุ (Sendai & Tohoku)

เที่ยวเซนได ไปยลโทโคฮุ (Sendai & Tohoku)

เจาะลึกภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku)อยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูใบไม้ผลิเทศกาลแห่โคมไฟ

มีโอกาสมาญี่ปุ่นรอบนี้ เจาะลึกภูมิภาค ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) โดยการเชิญของการบินไทย และ Tohoku Tourism Promotion Organisation #รักคุณเท่าฟ้า #การบินไทย #Tohoku #TravelTohoku  #ThaiAirways #SendaiTourism #Sendai #เที่ยวเซนได  #sendme2sendai

การบินไทยเตรียมเปิดบินสู่เซนได 29 ตุลาคมนี้ มีโอกาสพูดคุยกับผู้แทน Tohoku Tourism Promotion Organization คุณอาเบะและล่ามคือคุณยามะ เจาะลึกภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) นี่คือภูมิภาคที่อยู่ทางเหนือของเกาะฮอนชู (Honshu) ประกอบด้วย 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอะโอโมริ (Aomori), จังหวัดอะคิตะ (Akita), จังหวัดอิวะเตะ (Iwate), จังหวัดมิยะงิ (Miyagi), จังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) และจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima)

พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเทือกเขาชิระคะมิ (Shirakami) ที่มีความอุดมสมบูรณ์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ส่วนอื่นยังมีความเป็นชนบท ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ทั้งทะเลสาบ น้ำตก ออนเซ็นธรรมชาติท่ามกลางหุบเขา จุดเด่นของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) อยู่ที่ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลที่เป็นที่รู้จัก คือ เทศกาลแห่โคมไฟ

นั่งบิสซิเนสคลาสการบินไทย สบายมากๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบพร้อม มีกระเป๋า Mandarina Duck แจกด้วย ก่อนที่การบินไทยจะเริ่มบินตรงสู่เซนได ตอนนี้ก็สามารถมาโทโฮคุ ได้จากโตเกียว (Tokyo) ที่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศไทย จากนั้นจึงต่อรถไฟชินคันเซ็นสะดวกมาก นั่งรถจากสนามบินนาริตะ มาด้วยขบวนรถเร็วพิเศษ NEX แล้วก็ขึ้นชินคันเซ็นมาที่เซนไดในภูมิภาคโทโคฮุได้เลย

เริ่มเที่ยวที่การมาล่องเรือครูซ ชมอ่าวมัตสึชิมะซึ่งมีเกาะน้อยใหญ่ทั้งหมด 260 เกาะ ที่มัตสึชิมะ มีบริษัทล่องเรือให้บริการหลายแห่ง แบ่งเป็นเส้นทาง 2 คอร์สใหญ่ๆ แต่ละคอร์สใช้เวลาประมาณ 50 นาที มีทั้งคอร์สเดินเรือออกจากอ่าวมัตสึชิมะ วนรอบหมู่เกาะ และกลับมาลงเรือที่อ่าวมัตสิชิมะ และคอร์สเส้นทางเดียวระหว่างอ่าวมัตสึชิมะ และ “มารีนเกท ชิโอะกามะซึ่งอยู่ในเมืองชิโอกามะ ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆเมืองมัตสึชิมะ  

ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีนิดๆ มาล่องเรือชมอ่าวมัตสึชิมะ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในไตรทรรศน์ (3 ทิวทัศน์ที่งามที่สุดในญี่ปุ่น) (อีก2ที่คือ อะมะโนะฮาชิดาเตะ จังหวัดเกียวโต และมิยาจิมะ จังหวัดฮิโรชิม่า) ที่อ่าวมัตสึชิมะ นี่มีฟาร์มเลี้ยงหอยนางรมและสาหร่ายทะเลอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เรายังได้เดินเที่ยววัดซึ่งสร้างในสมัยก่อตั้งเมืองโดยท่านดาเตะ มาซามุเนะผู้สถาปนาเมืองเซนไดคือวัดซุยกังจิและวัดเอ็นซืออิน จากนั้นเข้าพักยัง โรงแรม Akiu Onsen บ่อน้ำแร่แต่ดั้งเดิมที่ถูกพบเมื่อ 1500 ปีก่อน เป็นรีสอร์ทน้ำแร่ที่มีชื่อเสียงในระดับประเทศ และเป็นหนึ่งในสามบ่อน้ำแร่หลวง”  บรรยากาศโรงแรมก็สวยงาม

วันต่อมาไปเที่ยวที่ Akiu Kogei no Sato (Akiu Traditional Crafts Village) ชมช่างฝีมือชั้นเยี่ยม ที่ทำตุ๊กตา kokeshi (โคเคชิ) จากนั้นพวกเราก็ทดลองลงสีด้วยตัวเองอาจจะฮาๆเล็กน้อยไม่สวยเท่าต้นตำรับนัก แต่ว่าแต่ละคนก็ตั้งใจมาก เราก็ทำตุ๊กตาของตัวเองออกมาได้ประมาณนี้ (เขียนชื่อเราคือตา-TaKokeshi(ตุ๊กตาไม้พื้นเมือง) ซึ่งแต่เดิมเป็นของเล่นเด็ก แต่ทุกวันนี้ศิลปะอันเรียบง่ายที่มีรสนิยมของตุ๊กตาโคเคชิได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของนักสะสม

ต่อมาพลาดไม่ได้เลย อีกหนึ่งกิจกรรมสุดฮิตของการมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น คือ การเที่ยวสวนผลไม้ตามฤดูกาล เพราะสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะที่จังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) ถือว่าเป็นอาณาจักรแห่งผลไม้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นแหล่งปลูกผลไม้และจัดส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ของที่ญี่ปุ่น

ผลไม้สดๆ รสชาติดี เช่น ลูกพีช ลูกแพร เชอรี่ แอปเปิ้ล องุ่น สาลี่ ฯลฯ นักท่องเที่ยวสามารถไปตามเส้นทาง ฟรุตไลน์ ฟุคุชิมะ (Fruits Line Fukushima) เส้นทางที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ติดต่อกันหลายสวน สามารถเดินชม เดินเที่ยว และเดินชิมสดๆ จากต้น ได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอิซากะ(Iizaka)

มาเที่ยวที่ Higashiyama Onsen แหล่งออนเซ็นขึ้นชื่อของเมือง Aizu Wakamatsu มีที่พักที่ให้บริการแช่ออนเซ็นอยู่มากมาย ได้ความเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อน แวะมาทานอาหารกัน

ช่วงบ่ายๆเราไปที่ Jododaira จุดชมวิวที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของ Bandai-Azuma Skyline อีกแห่งหนึ่ง ในจังหวัด Fukushima ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1600 เมตร บริเวณนี้มีทิวทัศน์ของภูเขาที่สวยงาม สามารถพักและชมทัศนียภาพโดยรอบได้

ถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาโดยรอบจะเต็มไปด้วยสีสัน พื้นที่ด้านล่างมีสะพานทอดยาว สามารถเดินชมธรรมชาติ พื้นที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของหอดูดาวดาราศาสตร์ Jododaira ซึ่งเป็นหอดูดาวดาราศาสตร์สาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นโดยใช้เวลาเดินขึ้นไปด้านบนยอดเขาเพื่อชมวิวปากปล่องภูเขาไฟใช้เวลาเดิน 15 นาที แต่วันนี้ลมแรงมากๆ เพราะพายุใกล้มา สามารถขึ้นถึงยอดปล่องได้แบบหมดสภาพกันแล้ว กว่าจะขึ้นถึงยอดเขา Azuma ภูเขาไฟของฟูกูชิมะ ไม่ใช่ว่าสูงชัน เราเองก็เดินขึ้นเขาทั่วโลกมามากมาย แต่เพราะลมแรงสุดๆจนแทบปลิว

เช้าอีกวันไปที่ปราสาทสึรุกะ(Tsuruga Castle) มีหลังคาสีแดงเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น สามารถเข้าชมภายในปราสาทและขึ้นไปยังชั้นบนสุดเพื่อชมวิวของเมืองเบื้องล่าง และชมพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของปราสาท และวิถีชีวิตของเหล่าซามูไรในยุคก่อน

นี่เลยคนไทยยังไม่ค่อยได้ไป หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนในสมัยเอโดะ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นเสมือนแหล่งที่พัก การคมนาคมและการค้า ทั้งโชกุนรวมทั้งขุนนางและพ่อค้าต่างต้องเดินทางด้วยเท้า และหมู่บ้าน โออุจิ จูคุแห่งนี้นับเป็นหนึ่งในเมืองที่เหล่านักเดินทางนิยมมาพักแรมในระหว่างการเดินทาง เนื่องจากที่นี่มีทั้งอาหารและแหล่งที่พักครบครัน

ชมบ้านโบราณที่อดีตเคยเป็นเมืองสำคัญในยุคเอโดะถูกสร้างเมื่อหลายร้อยปีก่อน เป็นบ้านชาวนาญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาทรงหญ้าคาหนาๆเรียงรายกันสองฝั่งกินระยะทางประมาณ 500 เมตร โดยรวมมีบ้านโบราณประมาณ 40 – 50 หลัง

หมู่บ้านโออุจิจูคุได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ ซึ่งในปัจจุบันหมู่บ้านโบราณหลายหลังในโออุจิ จูคุได้รับการบูรณะใหม่ จนกลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านค้าขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหารและที่พักแบบญี่ปุ่นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวนับล้านมาเที่ยวชมหมู่บ้านนี้ สนุกมากๆมื้อเที่ยงนี้ เมื่อต้องใช้ต้นหอมญี่ปุ่นแทนตะเกียบ ทานทากาโต โซบะ Takato-soba ตามธรรมเนียมชาวญี่ปุ่นที่นี่

ต่อมานั่งรถไป Homare Sake Brewery สาเกของที่นี่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยในแต่ละช่วงปีจะเริ่มต้มสาเกในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง จากนั้นจึงหมักบ่มเอาไว้ตลอดช่วงฤดูหนาว ก่อนจะพร้อมจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีถัดไป ซึ่งกลายมาเป็นสินค้าขายดีที่นักท่องเที่ยวมักนิยมซื้อหาไปเป็นของฝาก เนื่องจากมีรสชาติดีและให้ความรู้สึกในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

ชมสวนแบบญี่ปุ่นสวยๆ จากนั้นทานต่อค่ะ เป็นมื้อที่เด็ดสุดๆ อร่อยมากๆเนื้อโยเนซาวะ 1ใน3เนื้อที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น นุ่มละลายในปาก (ทั้ง3เนื้อคือ เนื้อโกเบ ,เนื้อมัตสึซากะ ,เนื้อโยเนซาวา)

อีกวันถัดมาไป ศาลเจ้าคุมะโนะ (Kumano Shrine) ตั้งอยู่ในจังหวัดยะมะงะตะ (Yamagata) สถานที่แห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่สักการะเทพเจ้าชายและหญิงที่ได้ผูกสัมพันธ์รักต่อกันเป็นคู่แรกในเทพปกรณัมญี่ปุ่น ด้านหลังอาคารหลักจะมีกระต่ายแกะสลักซ่อนอยู่ 3 ตัว เชื่อกันว่าหากใครสามารถหากระต่ายดังกล่าวได้ครบทั้ง 3 ตัว สิ่งที่อธิษฐานไว้ก็จะประสบผลสำเร็จดังตั้งใจ ซึ่งรวมถึงเรื่องความรักด้วย โดยสิ่งพึงระวังคือในขณะที่มองหากระต่ายตัวสุดท้ายนั้น หากมีการถามหรือบอกที่ซ่อนให้ผู้อื่นรู้ ว่ากันว่าโชคดังกล่าวก็จะถูกขโมยหายไปในทันที  รู้สึกมีบรรยากาศความขลังและศักดิ์สิทธิ์มากที่นี่

จากนั้นเข้าเมืองเซนได ไปทานอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ไคเซกิ เป็นชุดอาหารที่บริการทีละคอร์ส ตามธรรมเนียมดั้งเดิมของญี่ปุ่น สร้างสรรค์การปรุงแต่ง และกรรมวิธีที่ใช้ในการปรุง จนกระทั่งการนำเสนออาหาร ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้กับอาหารยุโรปชั้นสูง หรือ "โอตกุยซีน" (Haute Cuisine) ของชาติตะวันตก นอกจากการปรุงแต่งขึ้นเป็นอาหารรสชาติอร่อยอย่างลงตัว การจัดวาง คำนึงถึงสีสันและน้ำหนัก เพื่อให้เกิดความสมดุลในการนำเสนอให้เป็นศิลปะอย่างพิถีพิถัน  

เซนไดนี่น่าเที่ยวมาก เมืองเซนไดตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมื่อ 400 ปีก่อน โดยซามูไรผู้บุกเบิกเมืองนี้คือ ท่านดาเตะ มาซามุเนะ ในเมืองเซ็นไดนั้น มีร่องรอยของปราสาทซึ่งถูกสร้างโดยดาเตะ มาซามุเนะ หรือที่เรียกว่า ปราสาทเซ็นได”ปราสาทอาโอบะ(Aoba Castle) สร้างขึ้นในปี 1600 โดยขุนนางศักดินา Date Masamune สำหรับป้องกันเมือง โดยเลือกสร้างป้อมปราการไว้บนภูเขาอาโอบะ สูง 100 เมตรจากระดับเมืองด้านล่าง ในช่วง 400 ปีหลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิ เกิดไฟไหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอก และหอรักษาความปลอดภัย จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างที่งดงาม

มี “ศาลเจ้าโอซากิฮะจิมัง” (ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติ) วัดซึ่งสร้างแบบมิยะไทกูเพียงแห่งเดียวในสมัยนั้น, และ ซุยโฮเด็นสถานที่บรรจุอัฐิของท่านดาเตะ มาซามุเนะ เป็นต้น ซึ่งบ่งบอกถึงความเจริญของยุคสมัยและความรักในศิลปะชั้นสูงของท่านซามูไรดาเตะได้เป็นอย่างดี การเดินทางเพื่อชมสถานที่ทั้งสามแห่งนี้ สามารถนั่งรถลูปเปิ้ล เซ็นได หรือรถบัสนำเที่ยวชมตัวเมืองเซ็นไดไปได้ทั้งหมด

ก่อนไปเดินเล่นบนถนนโจเซ็นจิ ซึ่งทอดยาวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตกของใจกลางเมืองเซนได มีแนวต้นเคะยากิ (ต้นเซลโคว่าญี่ปุ่น) ทอดยาวให้สีเขียวสดตลอดทางที่รถผ่าน ถนนเส้นนี้จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์การเป็น “เมืองแห่งต้นไม้ของเมืองเซนได สองฝั่งซ้ายขวาของถนนประกอบด้วยร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆมากมาย ด้านข้างถนนทั้งสองฝั่งยังมีสวนสาธารณะใหญ่ของเมือง คือ สวนโคโตไดโคเอ็นและสวนนิชิโคเอ็น มีย่าน “อิจิบังโจถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมืองเซ็นได และยังเชื่อมกับเมืองราตรี คกคุบุงโจซึ่งเป็นย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮกุอีกด้วย

พลาดไม่ได้เลยชิม ลิ้นวัวย่างอาหารขึ้นชื่อของเซนได ลิ้นวัวหมักและปรุงรสอย่างดีก่อนนำไปย่าง เริ่มมีครั้งแรกใน Sendai อาหารชุดลิ้นวัวย่าง ซุปหางวัวตุ๋น และ mugimeshi  (ข้าวสวยหุงผสมข้าวบาร์เล่ย์) เป็นอาหารมื้อมาตรฐานสำหรับนักท่องเที่ยว ก่อนกลับตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะกลับก่อนซูเปอร์ไต้ฝุ่นอากิบิสเข้า 1 วัน แต่มั่นใจกับการบินไทยและยังได้แวะเข้าเล้าจน์ของ ANA ซึ่งเป็นสมาชิกของสตาร์อัลไลแอนซ์ด้วย และเดินทางกลับถึงไทยอย่างสวัสดิภาพ

การเปิดเส้นทางบินสู่เซนไดในครั้งนี้ นับเป็นเมืองที่ 6 และจุดบินที่ 7 ในประเทศญี่ปุ่น ของการบินไทย ทำให้การบินไทยมีเส้นทางบินครอบคลุมทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น ได้แก่ โตเกียว (นาริตะและฮาเนดะ) นาโกยา โอซากา ฟุกุโอกะ ซัปโปโร และเซนได โดยบริษัทฯ จะเริ่มให้บริการบินตรงสู่เซนได พร้อมทำการบินเที่ยวบินแรกในวันที่ 29 ตุลาคม 2562 และเพื่อการเฉลิมฉลอง และเป็นสิริมงคลในการทำการบินเที่ยวบินแรก บริษัทฯ ได้เลือกใช้เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300  นามพระราชทาน “ละหานทราย ของบริษัทฯ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญภาพวาดแบบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์มาประดับ พร้อมประดับตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลอง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งมีจำนวนที่นั่ง 364 ที่นั่ง เป็นชั้นธุรกิจ 34 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 330 ที่นั่ง

การบินไทยทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ตามตารางการบิน ดังนี้

  • เส้นทางกรุงเทพฯ เซนได เที่ยวบินที่ ทีจี 626 ทำการบินทุกวันอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลา 23.59 . เดินทางถึงเซนได เวลา 07.40 . ของวันรุ่งขึ้น (เวลาท้องถิ่น)

  • เส้นทางเซนได กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ ทีจี 627 ทำการบินทุกวันพุธ ศุกร์ และอาทิตย์

ออกเดินทางจากเซนได เวลา 11.15 . (เวลาท้องถิ่น) เดินทางถึงกรุงเทพฯ เวลา 16.05 .

ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่ง และตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ thaiairways.com สำนักงานขายการบินไทย หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือ THAI Contact Center โทร 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง)

ขอขอบคุณ

Tohoku Tourism Promotion Organisation 

https://www.tohokukanko.jp/en/business/index.html

และการบินไทย

http://www.thaiairways.co.th

สนับสนุนการเดินทางของ Travelista นักเดินทาง