เคล็ดลับดูแล “ผิวเป็นสิว” ช่วงฤดูร้อน

เคล็ดลับดูแล “ผิวเป็นสิว” ช่วงฤดูร้อน

เภสัชกรเตือน! ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ทาสิว ควรเลี่ยงการเผชิญแดดจัดพร้อมแนะเคล็ดลับดูแล “ผิวเป็นสิว” ช่วงฤดูร้อน

“แสงแดดในฤดูร้อน” เป็นอีกฤดูกาลที่มีรังสียูวีสูงมาก โดยเราจะรู้สึกได้ว่าแม้ออกไปสัมผัสกับแสงแดดเพียงไม่กี่นาที อาจมีอาการ “ผิวแสบร้อน” และ “เหงื่อออก”  โดยเฉพาะผู้ที่มี “ปัญหาสิว” แสงแดดจะกระตุ้นให้ผิวเกิดรอยแดง ผิวอักเสบและจุดด่างดำได้ง่ายกว่า ดร.ภญ.จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด ผู้นำด้านการผลิต-วิจัยและพัฒนา เครื่องสำอาง และเวชสำอางที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 22716/ COSMETICS GMP ระดับสากล เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อนต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผิวบริเวณใบหน้าเนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ส่วนผู้ที่มีปัญหาสิวที่อยู่ในความดูแลของแพทย์หรือใช้ยารักษาสิวจะต้องระวังเรื่องการออกไปเผชิญกับแสงแดดและควรรู้วิธีการป้องกันดูแลผิวเป็นสิวหลังเผชิญกับแสงแดดอย่างถูกวิธี

โดย ดร.ภญ.จิรวรรณ ได้ให้คำแนะนำว่า สำหรับผู้ที่รักษาสิว โดยการใช้ยากลุ่ม อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ และยาทาสิวที่มีฤทธิ์ในการลอกผิวอยู่นั้น ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดจ้า เนื่องจากยากลุ่มนี้จะทำให้ผิวบาง และไวต่อแสง ได้ง่าย เมื่อเผชิญกับแสงแดดก็จะทำให้รู้สึกแสบร้อนบนใบหน้า เกิดรอยแดง และจุดด่างดำได้ง่าย เกิดการระคายเคือง หน้าแห้ง ที่สำคัญคือจะยิ่งซ้ำเติมผิวที่เสียอยู่แล้วให้มีสภาพแย่ลงไป เมื่อผิวไม่แข็งแรงก็จะทำให้เกิดสิว และการระคายเคืองจากเหงื่อ จากฝุ่น และจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ได้อย่างง่ายดาย ดังที่เราจะสังเกตได้ว่าเมื่อผิวเราเกิดปัญหาไม่ว่าจะเป็นหลังออกแดดนาน ๆ อยู่ในที่หนาวมาก ๆ หรือร้อนมาก ๆ หรืออากาศเปลี่ยน น้ำเปลี่ยน ผิวของเราจะไวต่อสิ่งกระตุ้นมากเป็นพิเศษโดยอาการที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ผื่นแพ้และสิว

แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เป็นสิวซึ่งมีสภาพผิวที่ไม่ได้แข็งแรงเท่าคนอื่น จะต้องเก็บตัวเงียบอยู่ในอาคารจนออกไปไหนไม่ได้ เพียงแต่แค่เราจะต้องดูแลและปกป้องผิวให้ถูกวิธี โดยบทความนี้จะแนะนำวิธีดูแลผิวเป็นสิวในช่วงฤดูร้อนที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น  

1.ทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

โดยเลือกใช้โลชั่นกันแดดชนิดบางเบา มีส่วนผสมของน้ำมันน้อย ไม่จำเป็นต้องเลือกแบบที่เป็นกันแดดแบบกันน้ำ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมันครีมกันแดดแบบกันน้ำอาจจะทำให้หน้ามันมากขึ้นและเกิดการอุดตันได้ สำหรับชนิดของสารกันแดด เราสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่ช่วยสะท้อนรังสียูวี เช่น ครีมกันแดดชนิดกายภาพ (Physical sunscreen) ซึ่งมีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ที่ตกกระทบลงบนผิวให้ออกไปจากผิวหนังได้ โดยสามารถสังเกตส่วนผสมข้างผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีส่วนผสมของZinc Oxide หรือ Titanium Dioxide และ ระบุเป็นครีมกันแดดชนิด physical sunscreen ซึ่งจะมีผลระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่าสารในกลุ่มครีมกันแดดชนิดเคมี (Chemical sunscreen) ที่มีกลไกในการปกป้องแสงแดด ด้วยการดูดซับรังสีไว้ที่ผิว ซึ่งอาจจะทำให้ผิวเกิดการแพ้ระคายเคืองได้ง่ายกว่า  การใช้ครีมกันแดดแบบ physical sunscreen ชนิดไม่กันน้ำจึงเหมาะกับผิวเป็นสิวมากกว่า  

ส่วนความสามารถในการป้องกัน รังสียูวีนั้น ค่า SPF30” และPA+++” นับว่าเป็นค่าความสามารถในการป้องกันรังสียูวีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลแล้วว่า SPF 30” สามารถป้องกันผิวไหม้แดดจากรังสี UVB ได้แตกต่างจาก SPF 50” เพียง 1% เท่านั้น และการใช้ครีมกันแดดเมื่อไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้และต้องอยู่ใต้แสงแดดนาน ๆ  ให้ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากสารกันแดดสามารถหลุดจากเหงื่อ การไม่สม่ำเสมอในการทาแต่ละครั้ง ความหนาบางในการทา และการถูกเช็ดถูออกโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ

ส่วน PA+++” เป็นค่าที่คำนวณได้จากค่า SPF ซึ่งจะแสดงถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ที่เป็นสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำและริ้วรอยก่อนวัยอันควร ซึ่งทั้ง UVB และ UVA ล้วนเป็นรังสีที่มีส่วนกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยทำให้โครงสร้างของผิวผิดไปจากความไหม้และยังลงลึกลงไปใต้ผิว ทำให้เกิดการระคายเคือง เมื่อผิวไม่แข็งแรงย่อมทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย และเกิดการติดเชื้อง่ายตามมา ดังนั้นการป้องกันผิวไม่ให้โดนแสงแดดจะช่วยเรื่องการเกิดสิวได้ด้วย

2.ทานวิตามินซีเสริม

มีรายงานการวิจัยว่าวิตามินซีช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น สามารถช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนังกำพร้าที่ได้รับผลกระทบจากรังสี UVB อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวจากผลกระทบจากรังสีUVA ที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยแห่งวัย จุดด่างดำ กระและฝ้า นอกจากนั้นวิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการสร้างคอลลาเจนเพื่อช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่าง ๆ ให้ผิวชุ่มชื้น แลดูสว่างกระจ่างใส กระตุ้นกระบวนผลิตกลูต้าไธโอนและวิตามินอีจึงมีส่วนช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี และยังช่วยให้แผลเป็นจากสิวหายเร็วขึ้น พร้อมช่วยปรับสมดุลให้ผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

3.พกสเปรย์สิวสำหรับผิวหน้าไว้ฉีดระหว่างวัน

การพกสเปรย์สิวสำหรับผิวหน้าไว้ฉีดระหว่างวันจะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนใบหน้าจากแสงแดดได้ ช่วยให้ "ผิวเย็น"  และ "ลดความมัน" บนใบหน้า และยังเพิ่มความสดชื่นในระหว่างวันได้อีกด้วย ควรเลือกใช้สเปรย์สิวที่ไม่มีส่วนผสมของ ของ BHA เนื่องจาก BHA มีความเป็นกรดสูงจะทำให้ผิวแห้งลอก และไวต่อแสง ซึ่งไม่เหมาะกับการออกมาเผชิญกับแสงแดดจ้าในช่วงฤดูร้อน  

โดย สเปรย์สิว “โอลด์ร๊อค แอคเน่ สเปรย์” (Old Rock Acne Spray) แก้ไขทุกปัญหาสิวอย่างปลอดภัย โดยผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบสเปรย์เพื่อบำรุงผิวหน้าสำหรับผิวเป็นสิวรายแรกในเมืองไทย ที่ตอบโจทย์การดูแลผิวเป็นสิวของวัยรุ่นอย่างแท้จริง ด้วยส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ และสารสกัดจากหินน้ำมันฝรั่งเศสที่มีความบริสุทธิ์สูง“ลดสิว ผิวเย็น หน้าไม่มัน” สูตร Non-Comedogenic ที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน  อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอย่างต่อเนื่อง ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวสเตียรอยด์ สิวฮอร์โมน  และปัญหาสิวอื่นๆ  ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผิวหนังแล้ว  และที่สำคัญคือไม่มีส่วนผสมของ BHA ซึ่งมีความเป็นกรดสูง จึงอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก ไม่ไวต่อแสง สามารถใช้ได้กับผิวเป็นสิวทุกประเภท นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยลดรอยแดงและอาการคันจากการเป็นสิว ด้วยสูตรที่ถูกคิดค้นมาอย่างดี จึงสามารถใช้ “โอลด์ร๊อค แอคเน่ สเปรย์” ได้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องทุกวัน และแต่งหน้าได้แม้ผิวเป็นสิว ที่สำคัญเพื่อผิวที่เนียนสวยตลอด ยังสามารถใช้สเปรย์ให้ทั่วใบหน้าก่อนการแต่งหน้าจะช่วยให้การแต่งหน้าเรียบเนียน ติดทนนาน และยังเพิ่มความสดชื่นในระหว่างวันได้อีกด้วย

4.ดื่มน้ำเยอะๆ วันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร

เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญ 2 ใน3 ของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน ร่างกายสูญเสียเหงื่อมากเพื่อปรับอุณหภูมิภายในร่างกายให้สมดุลเมื่อเผชิญกับอากาศร้อน หากดื่มน้ำน้อยจนเกินไปจะทำให้ผิวแห้งหมองคล้ำ และมีความมันบนใบหน้าร่วมด้วย จึงทำให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้นควรจิบน้ำบ่อยๆ วันละ 8 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตร จะช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย และเสริมสร้างให้โครงสร้างผิวแข็งแรง ผิวพรรณแลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส และลดโอกาสในการเกิดสิวได้ด้วย

5.ล้างหน้าให้สะอาด

สำหรับผู้ที่เป็นสิวควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว เพื่อชำระสิ่งสกปรกจากเครื่องสำอาง และครีมกันแดดที่ใช้บนผิวให้สะอาด อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งตอนเช้าและเย็น ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของสครับเนื่องจากจะยิ่งทำให้ผิวเป็นสิวเกิดการอักเสบได้ง่ายจากแรงกดทับจากเม็ดสครับ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวเป็นสิวต้องเลือกชนิดที่อ่อนโยนต่อผิว ล้างแล้วต้อง “ไม่” รู้สึกแห้งหรือตึงหรือรู้สึกว่าไม่มีความชุ่มชื้นเหลือบนใบหน้า เนื่องจากจะยิ่งทำให้ผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงและมลภาวะ แห้ง และทำให้ผิวอ่อนแอลง จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวแพ้ง่ายขึ้นและเกิดสิวได้ง่ายขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังเผชิญกับแสงแดดแล้วเกิดอาการสิวเห่อมากกว่าปกติ และมีอาการแสบร้อนไม่หายและรู้สึกเป็นกังวล ให้รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือ ปรึกษาเภสัชกร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ [email protected] หรือ โทร. 097-1804719

FACEBOOK: https://www.facebook.com/oldrockthailand/

YOUTUBE: https://www.youtube.com/c/oldrockacne

INSTAGRAM: https://www.instagram.com/oldrock_official_thailand/

LINE: @oldrock

WEBSITE :http://www.oldrockacne.com