“DragCura” กับวิถีผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันระดับพรีเมี่ยม

“DragCura” กับวิถีผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันระดับพรีเมี่ยม

พร้อมเดินเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ออรัลแคร์ระดับพรีเมี่ยม งานดีไซน์เดินคู่โนว์ฮาวสินค้าเจาะตลาดมัดใจคนรุ่นใหม่

“DragCura” กับวิถีผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันระดับพรีเมี่ยม เมื่องานดีไซน์เดินคู่โนว์ฮาวสินค้าเจาะตลาดมัดใจคนรุ่นใหม่

DragCura ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน (Oral Care) ระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกในประเทศไทย ได้รับสิทธิ์จำหน่ายสินค้าแบรนด์ดังยี่ห้อ Curaprox จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์, Dr.Tung’s จากประเทศสหรัฐอเมริกา, Flipper จากประเทศมาเลเซีย และ Burt’s Bee จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พร้อมเดินเข้าสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ออรัลแคร์ระดับพรีเมี่ยม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทในประเทศไทยและกำลังเติบโตต่อเนื่องทุกปีจากกลุ่มเป้าหมายหลัก ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ยุค ซี เจอเนอเรชั่น ( Generation C ) ที่พร้อมเปิดรับประสบการณ์ใหม่ในการดูแลช่องปากและฟันที่ต้องการมากกว่าความสะอาด

พูนศักดิ์ เธียไพรัตน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งธุรกิจแบรนด์แดร็กคูรา (DragCura) เล่าที่มาว่ากิจการเกิดขึ้นเมื่อราว 2-3 ปีก่อน หลังจากตนเองได้รับการรักษาดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน และทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ออรัลแคร์ที่ได้รับการแนะนำจากทันตแพทย์  ตนเองรู้สึกพอใจในตัวผลิตภัณฑ์มากจนกระทั่งเกิดความสนใจและมีแนวความคิดอยากนำผลิตภัณฑ์ดี ๆ มาเผยแผ่ จำหน่ายและทำตลาดถึงผู้บริโภคโดยตรงในรูปแบบร้านค้าปลีกพิเศษ (Specialty Store) ภายใต้ชื่อ DragCura จากเดิมที่ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันดังกล่าวส่วนใหญ่ทำตลาดในประเทศไทยผ่านช่องทางธุรกิจบริการทางการแพทย์เท่านั้น

จากจุดตั้งต้นดังกล่าว ที่ DragCura มองเห็นโอกาสในการทำตลาดสินค้าออรัลแคร์ระดับพรีเมี่ยม ตัวอย่างเช่น แปรงสีฟัน Curaprox ที่มีจุดเด่นในด้านการออกแบบ คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยทันตแพทย์ชาวสวิสเซอร์แลนด์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของผู้ใช้งาน ที่นอกจากการใช้งานเพื่อทำความสะอาดแล้ว ตัวผลิตภัณฑ์ยังเข้ามาสนับสนุนการดูแลป้องกันสุขภาพช่องปากและฟันไปด้วยพร้อม ๆ กันด้วย

โดยเฉพาะแปรงสีฟันรุ่น 5460 ultra soft ด้วยขนแปรงปลายมนทำจากวัสดุพิเศษจำนวน 5,460 เส้นที่เพิ่มความล้ำลึกในการทำความสะอาดได้มากกว่าแปรงสีฟันทั่วไปในท้องตลาดที่มีจำนวนขนแปรงสีฟันหลักพันเส้นเท่านั้น รวมไปถึงรูปลักษณ์โดดเด่น ทันสมัย สวยงามน่าใช้ที่ไม่เหมือนผลิตภัณฑ์อื่น

ขณะเดียวกัน DragCura ยังวางแผนการทำตลาดภายใต้ธีม The Journey of Premium Oral Care  ที่มาพร้อมกับแนวคิดการเดินทางของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพช่องปากและฟัน โดยใน Episode 1 จะเป็นการบอกเล่าตัวสินค้าทั้ง 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่ครอบแปรงสีฟัน ไหมขัดฟัน ที่ทำความสะอาดลิ้น และผลิตภัณฑ์อื่น เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปาก ซึ่งจะช่วยเพิ่มสีสัน และความสนุกในการทำความสะอาดช่องปากในทุก ๆ เช้าและก่อนนอน ให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย  

พูนศักดิ์ เสริมว่าในช่วงทดลองทำการตลาด (Soft Launch) DragCura วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพปากและฟันผ่าน 2 ช่องทาง คือ ร้านค้าออนไลน์ (www.dragcura.com) โดยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ค, อินสตาแกรม และ สามารถสั่งผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ (@DragCura) ได้ด้วย  และอีกช่องทางคือสาขาร้าน ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา คือ ศูนย์การค้าเมกาบางนา เอ็มควอเทียร์ และ เซ็นทรัล เอมบาสซี และเตรียมเปิดร้านต้นแบบ (Flagship Store) ในปี 2562 และวางเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้าจะขยายเพิ่มเป็น 50 สาขา ทั้งรูปแบบการลงทุนเองและพันธมิตรธุรกิจที่สนใจ และมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาทในปี 2563

นอกจากนี้ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ในกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ในเดือนกันยายนนี้ DragCura วางแผนเปิดตัวแบรนด์และการทำตลาดภายใต้แคมเปญใหญ่ครั้งแรกพร้อมเปิด Explore Me มุมสาธิต (Demonstration) การใช้งานผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีผ่านร้าน DragCura ที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วย และพัฒนามุม Tap Me ให้ลูกค้าสามารถสแกนผลิตภัณฑ์เพื่อดูรายละเอียดข้อมูลสินค้าได้ด้วยตัวเอง        

“การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ DragCura แม้ว่าจะเป็นตลาดระดับพรีเมี่ยมก็ตาม ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ราคาสินค้า แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือด้านสุขภาพช่องปากและฟัน ที่ผู้บริโภคได้เรียนรู้วิธีการดูแลและป้องกันจากผลิตภัณฑ์ เพื่อลดการไปพบทันตแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่า” พูนศักดิ์ เสริม

โดยการทำตลาดช่วงแรกนั้น เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของผลิตภัณฑ์แปรงสีฟันพร้อมกับวิธีการใช้แปรงที่ถูกต้อง แก่ผู้บริโภคเป็นหลักก่อน ซึ่งแปรงสีฟันเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงการใช้ที่ครอบแปรงสีฟัน ที่ปกติแปรงสีฟันมักถูกวางในห้องน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียต่าง ๆ จำนวนมากที่ลอยปะปนในอากาศไปติดขนแปรงสีฟันได้เช่นกัน ในอนาคตจะยังมีสินค้าอื่น ๆ ตามมาอีก อย่างเช่นไม้จิ้มฟันที่แพงที่สุดในโลกที่จะนำมาทำตลาดในไทยด้วย  

จากวิถีการทำตลาดของ DragCura โดยมีความเชื่อว่า Dracula ไม่เคยฟันผุ พร้อมแล้วที่จะบุกตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากและฟัน ด้วยจุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน พร้อมไปกับการให้ความรู้การใช้งานอย่างถูกวิธีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ และเข้าถึงเป้าหมายผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ในที่สุด