รวมเด็ด 7 ร้านอร่อยในมะละกา

มะละกามีอาหารการกินให้เลือกลื้มลองมากมาย

เพื่อแบ่งปันความสุขในดินแดนที่เต็มไปด้วยร่องรอยของประวัติศาสตร์ การเดินทางของผู้คนจากตะวันตกมาพบกับคนทางฝั่งตะวันออก การค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า และเครื่องเทศ ก่อให้เกิดวัฒนธรรมอันหลากหลายส่งผลถึงอาหารการกิน
มะละกา จึงมีทั้งอาหารจีน อินเดีย ปารานากัน และอาหารตะวันตก ให้นักเดินทางได้เจริญอาหารท่ามกลางความหลากหลายที่ต่างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอย่างเด่นชัด

1.มื้อเช้าแสนหฤหรรษ์

20258191_1645945092145888_5900776754799127889_n

ร้านอาหารเช้าของชาวมะละกาจะมีทั้งร้านเดี่ยวและร้านที่อยู่รวมกันในลักษณะฟู้ดคอร์ท พบได้ตามถนนสายหลักของเมือง แม้บางร้านจะคล้ายกับเป็นร้านเดียวแต่เมื่อเข้าไปจะพบว่าด้านในมีขายปอเปี๊ยะ ก๋วยเตี๋ยว บางร้านมีโรตีให้กินด้วยจะเลือกแบบกินกับแกงถั่ว หรือ โรยน้ำตาลนมข้นด้วยก็ได้ ส่วนกาแฟที่เสิร์ฟในร้านเหล่านี้จะเป็นกาแฟชงแบบกาแฟโบราณบ้านเรา จะดื่มร้อนหรือเย็นก็ชงพร้อมนมข้น ใครไม่กินนมสั่งเป็นโอยัวะแทนก็ฟินได้เช่นกัน

2

จากการสำรวจของเหล่าโต๊ะกลม (มีความสุขมากเนื่องจากโต๊ะอาหารในเมืองนี้แทบทุกร้านเป็นโต๊ะกลม ทำให้ทุกคนได้ตักอาหารและสนทนากันได้อย่างทั่วถึง) ผลสรุปจากการตระเวณชิมอาหารเช้าร่วม 4 วัน สรุปว่าไม่ว่าจะกินร้านไหนก็มีรสชาติชวนชิมเช่นกัน ต่างกันที่เมนู ประกอบกับประสบการณ์ในการสั่งอาหารที่เพิ่มเติมของพวกเรา
เมนูยอดนิยมที่เทใจให้ ได้แก่ ปอเปี๊ยะสด เทียบกันแล้วขนาดอวบอ้วนกว่าบ้านเรา แต่ละชิ้นกินแล้วเต็มปากเต็มคำมาก ไส้ปอเปี๊ยะประกอบไปด้วยไข่ เต้าหู้ ถั่วงอก ผัก และซอสปรุงรสที่เรียกว่า ตี่เจียว ทำให้เคี้ยวแล้วได้รสชาติโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจิ้มใดๆ

z_1

1

เย็นตาโฟ หรือ ย้งโต่วฝู่ เป็นอีกเมนูที่น่าสนใจวันแรกๆไปแล้วยังไม่สั่งเป็นเลยได้บะหมี่ลูกชิ้นมากินแทน วันต่อมาเพื่อนชาวมาเลย์สั่งเป็นตัวอย่างเราจึงได้กิน ย้งโต่วฝู่ ชนิดทอดและชนิดใส่ลงไปในบะหมี่ได้ตามต้องการ เครื่องเคราของย้งโต่วฝู่ จัดเรียงในถาดสวยงามนอกจากบรรดาลูกชิ้นต่างๆแล้ว ไฮไลท์ได้แก่ เต้าหู้ยัดไส้หมูสับสไตล์จีนแคะ ที่เราไม่คุ้นเท่าไหร่คือ กระเจี๊ยบ มะเขือ มะระ ก็นำมายัดไส้หมูสับ สั่งมาเป็นเกาเหลา หรือทอดจิ้มซอสพริกก็อร่อย

3


นอกจากนี้บางร้านยังมี หมี่สยาม เส้นหมี่ผัดซอสเปรี้ยวๆหวานๆ ที่บ้านเราเรียกหมี่กะทิ เสิร์ฟพร้อมส้มจี๊ดสำหรับปรุงรสแทนน้ำส้มสายชู

2.มื้อเช้าสายฮิป

4

อยากจิบกาแฟ กับแพนเค้กยามเช้าในบรรยากาศตึกเก่าสไตล์โคโลเนี่ยลที่มีความผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันตกกับจีน ต้องมาที่ร้านเดอะ เดลี่ ฟิกซ์ (The Daily Fix) ร้านนี้ดังมากถ้าเรียกแท็กซี่มาตามกูเกิ้ลแมพของร้าน จุดหมายจะอยู่ที่ 55 Jalan Hang Jebat ย่านJonker walk แต่มักจะหาร้านไม่เจอ เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ค่ะ 

6
เดอะ เดลี่ ฟิกซ์ จะอยู่ด้านในร้านขายของที่ระลึกของตึกเลขที่ 55 มีป้ายชื่อร้านเล็กๆเขียนชื่อเดอะ เดลี่ ฟิกซ์เป็นที่สังเกต เดินผ่านร้านขายของที่ระลึกมาจะพบกับจุดหมายของเรา 
ด้วยแผนผังของตึกที่มีด้านหน้าแคบแต่มีความลึกทะลุไปถึงถนนคู่ขนานด้านหลัง คล้ายๆกับตึกเก่าที่ภูเก็ตและสงขลา 
ร้านนี้ได้พื้นลานกลางบ้านที่เปิดโล่งให้แสงแดดส่องลงมาภายใน การตกแต่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายของใช้วันวาน ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม และถาดสังกะสีลายสวยๆนำมาประดับผนังอาคารด้านใน

5

เมนูกาแฟร้อน เย็น มีรสชาติและกลิ่นหอมที่สร้างความสุขให้กับยามเช้าอันสดใส ยิ่งดื่มคู่กับแพนเค้กกลิ่นหอมเนื้อนุ่มเข้ากันมาก ที่นี่ยังมีแครอทเค้ก เค้กทุเรียน (ขออภัยที่ไม่ได้ลิ้มลอง) และบราวนี่เสิร์ฟอุ่นๆวางไอศกรีมหนึ่งก้อนวางชั้นบน รสชาติเข้ากันดีมากเนื้อบราวนี่มีความเหนียวกรุบนิดๆ เป็นมื้อเช้าที่ได้อิ่มเบาๆราวกับนั่งในตึกเก่าที่มีทั้งความเก๋และเท่

3.ข้าวมันไก่

14

เป็นเมนูที่อยากกินมากเพราะได้ยินมาว่าข้าวมันไก่ที่มะละกาไม่เหมือนใคร ? มาดูกันว่าเป็นอย่างไร เรายังคงตระเวณอยู่ย่าน Jonker walk ช่วงเที่ยงเห็นคนยืนเข้าแถวรอเข้าร้านข้าวมันไก่ Chung Wahสไตล์ไหหลำ (ตรงข้ามห้าง H&M) ค่อนข้างยาว จึงเข้าไปลองต่อคิวบ้าง รอสักยี่สิบนาทีจึงจะได้ที่นั่ง 
ช่วงรอแอบมองเข้าไปในร้านพร้อมปรึกษากันว่าจะสั่งไก่สับสักตัว กับลูกชิ้นปลาขนาดเท่าปิงปองที่เห็นสั่งกันทุกโต๊ะ ปรากฏว่าที่คิดว่าเป็นลูกชิ้น อันที่จริงแล้วเป็นข้าว ข้าวหุงด้วยมันไก่นำมาปั้นเป็นลูกกลมๆคล้ายปิงปอง นี่ล่ะสไตล์ของมะละกาล่ะ

16
ไก่นึ่งร้านนี้รสชาติดีทีเดียว บนโต๊ะมีซีอิ๊ว ขิง พริก จัดให้ปรุงพร้อมพรั่ง ติดอยู่ที่ไก่ค่อนข้างมัน ตัวข้าวปั้นนั้นก็แฉะไปหน่อย อาจไม่ถูกปากเรา แต่เป็นของอร่อยสำหรับคนอื่นๆเอาเป็นว่ารสนิยมของใครของมันไม่ว่ากัน

15

เรามาตามหาข้าวมันไก่ที่ถูกปากเราจนพบที่ร้าน Famosa Chicken Rice Ball ตรงแถว Jonker walk ร้านนี้เป็นตึกเก่าทาสีแดงอิฐสวยเก๋ เราขอสั่งข้าวชนิดไม่ต้องปั้นมา ได้ข้าวหุงมันอร่อยพอดีไม่ได้เห็นเมล็ดข้าวสวยนิ่ม ส่วนไก่มีทั้งนึ่งธรรมดา กับนึ่งซีอิ๊ว ทั้งสองแบบเนื้อไก่นุ่มชุ่มน้ำซอส มีความมันน้อยกว่าร้านแรก จะจิ้มซีอิ๊ว หรือ พริกน้ำส้มที่ทางร้านจัดมาก็เสริมรสได้ดี
ถ้าชอบข้าวมันไก่แนวนี้ แนะนำให้มาฟาโมซา ส่วนจะลองข้าวแบบปั้นเป็นก้อนกลมร้านนี้มีเช่นกัน

4. อาหารนอนยา หรือ อาหารเปอรานากัน

17

ที่แนนซี่ คิทเช่น Nancy’s Kitchen ที่ Jalan KL 3/8 
เปอรานากัน เป็นคำภาษามลายูแปลว่า เกิดที่นี่ หลายคนอาจเข้าใจว่าเปอรานากัน ใช้เรียกเฉพาะลูกผสมระหว่างชาวจีนกับชาวมลายูพื้นเมืองที่ถือกำเนิดบนคาบสมุทรมลายู อินโดนีเซีย ได้แก่ มาเลเซีย (ปีนัง,มะละกา) สิงคโปร์และหมู่เกาะชวา
หากแท้ที่จริงแล้วมีลูกผสมที่ “เกิดที่นี่”แบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติด้วยกันได้แก่ กลุ่มชาวจีนเปอรานากัน กลุ่มชาวอาหรับเปอรานากัน กลุ่มชาวดัตช์เปอรานากัน และกลุ่มชาวอินเดียเปอรานากัน
บ้าบ๋า เป็นคำเรียกขานผู้ชายที่ “เกิดที่นี่” ส่วน ย่าหยา ใช้เรียก ผู้หญิง

แม้ว่าอาหารเปอรานากันจะมีส่วนผสมของสมุนไพรท้องถิ่น อันได้แก่ พริก ยี่หร่า ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะทิ แต่รสชาติอาหารกลับมีความกลมกล่อมด้วยการปรุงรสที่ไม่เผ็ดจัด หรือใส่กะทิข้นๆ ดังคิด แถมยังถูกปากอีกด้วย
เมนูอาหารเปอรานากันที่ร้านแนนซี่ ที่เราแนะนำ คือ กระเจี๊ยบ มีให้เลือกแบบลวก หรือ แบบผัด พวกเราเลือกกระเจี๊ยบผัดกุ้งมากิน คลุกข้าวได้อร่อยสุดยอดทีเดียว
นอกจากนั้นยังมีกุ้งทอด เสียบไม้มาจนตัวตรงพร้อมน้ำจิ้มรสออกเปรี้ยวๆเผ็ดๆ หมูสามชั้นกับเต้าหู้ปรุงคล้ายพะโล้ ผัดผักบุ้งซึ่งมีพริกตำผสมกับกะปิหอมอร่อย เราสั่งซัมบาลที่เป็นเครื่องเคียงคล้ายน้ำพริกรสเผ็ดหน่อย เสิร์ฟมาพร้อมส้มจี๊ดเติมรสเปรี้ยว (บางคนบอกไม่บีบก็อร่อยแล้ว) มากินแกล้มด้วยกัน

18

ส่วนอาหารที่เป็นดาวเด่นของเปอรานากัน คือ Ayam Buah Keluak มนูนี้เป็นสตูว์ไก่ใส่บัวคะลัก จำได้ว่าครั้งแรกก็ได้แต่มองแกงสีคล้ำที่มีเนื้อไก่หั่นเป็นก้อนเท่าๆกับบัวคะลัก ผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายกับถั่วเปลือกแข็งขนาดเท่าลูกหิน 
น้ำแกงค่อนข้างข้นแต่ไม่มัน มีรสชาติกลมกล่อมชนิดไม่เผ็ดทีเด็ดอยู่ตรงเนื้อในสีดำๆที่อยู่ในบัวคะลักนี่ล่ะ ลักษณะดูเหมือนดินสีดำ นำมาคลุกกับข้าวราดน้ำแกงได้รสชาติมันๆดีเหมือนกัน เรารู้สึกว่ารสชาติคล้าย
อโวคาโด เพื่อนบางคนบอกว่าเหมือนหนำเลี๊ยบมากกว่า
กว่าจะได้เป็นสตูว์ไก่ใส่บัวคะลักนี้ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน เริ่มต้นจากบัวคะลัก ซึ่งเป็นผลของต้นคีปายัง มีเฉพาะในมาเลเซียและอินโดนีเซียเท่านั้น เมื่อเก็บผลมาแล้วก็ต้องนำไปล้างทำความสะอาด ต้มแล้วยังกินไม่ได้ ต้องเอาไปหมกไว้ในชั้นถ่านสลับกับใบตองอีก 40 วัน เพื่อถอนพิษออก 
ครบกำหนดแล้วนำออกมาแช่น้ำทิ้งไว้หนึ่งคืน กะเทาะเปลือกแล้วขุดเอาเนื้อในออกมาผสมกับเครื่องเทศสูตรลับแล้วตักใส่เข้าไปในเปลือกแข็ง นำไปแกงกับพริกแกงและเนื้อไก่
ครัวแนนซี่เป็นอีกร้านหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับเรา

5.สะเต๊ะหม้อเดือด หรือ Satay Celup

8

จัดเป็น 1ใน 10 อาหารเด็ดของมะละกา เป็นอาหารที่นิยมกินกันยามค่ำคืน
ร้านที่เราไปอยู่ถนน Ong Kim Wee มี Satay Celup อยู่ 2 ร้านติดกัน คนหนาแน่นมาก เราเข้าร้าน Ban lee Siang บรรยากาศภายในร้านเหมือนร้านอาหารโต้รุ่งบ้านเรา 
โต๊ะนั่งเป็นโต๊ะกลม ตรงกลางเจาะช่องไว้สำหรับวางหม้อน้ำสะเต๊ะ (คล้ายๆน้ำสะเต๊ะบ้านเราแต่ไม่หวานจัด) ระหว่างรอน้ำสะเต๊ะเดือด เราก็แยกย้ายไปเปิดตู้เย็นเลือกเนื้อสัตว์ที่เสียบไม้ไว้แล้วตามใจชอบ มีทั้งหมู ไส้หมู ตับหมู เนื้อวัว กุ้ง หอยแครง (อันนี้อร่อยไม่น่าเชื่อ) ลูกชิ้นนานาชนิด เห็ด ที่น่ารักคือผักบุ้งม้วนเสียบไม้ได้อย่างน่ารัก

9

ใครใคร่ๆกินอะไร หยิบไม้ที่ชอบจุ่มลองในหม้อสะเต๊ะเดือดๆ ทางร้านส่งทัพพีมาให้บอกว่าคอยคนด้วยไม่งั้นน้ำสะเต๊ะจะไหม้ แล้วใช้ทัพพีนั้นตักน้ำสะเต๊ะใส่จานส่วนตัว ไว้จิ้มเนื้อที่สุกแล้ว 
อยากได้อาจาดแก้เลี่ยน ร้านนี้มีเป็นแตงกวา พริก หอมแดง ล้วนๆไม่มีน้ำส้มสายชูเคี่ยวผสมน้ำตาลราดมาแบบบ้านเรา แต่จะว่าไปรสชาติน้ำสะเต๊ะก็โอเคอยู่ มีความกลมกล่อมแนวละมุน ไม่จัดจ้าน
คิดถึงขนมปัง มีแบบไม่ปิ้ง เป็นขนมปังร้านเนื้อนุ่ม จิ้มน้ำสะเต๊ะได้ชุ่มดี สนนราคาคิดกันตามไม้ราคาไม้ละประมาณ 1 ริงกิต
สั่งเครื่องดื่มเป็นน้ำพลัม (น้ำส้มจี๊ด)รสเปรี้ยวๆหวานๆ ช่วยตัดเลี่ยนได้แถมยังชื่นใจอีกด้วย

6.ไก่ย่างทันดูรีกับนาน

19

มาเยือนดินแดนที่มีคนเชื้อสายอินเดียอาศัยอยู่แล้วไม่ได้แวะกินไก่ย่างสีแดงกับนานถือว่าพลาด จะกินให้ได้รสชาติต้องกินกันยามค่ำ มุ่งหน้าไปที่ร้าน Pak Putra Tandoori & Naan Restaurant ถนน Kota Laksamana 2/3 ผู้คนมากมายต้องคอยมองหาโต๊ะนั่งคล้ายเก้าอี้ดนตรี

21 เมนูจัดไว้เป็นชุดไก่ย่างคู่กับนาน มีให้เลือกว่าจะเป็นนานธรรมดา นานชีส หรือนานกระเทียม แป้งนานอบในเตาถ่านหอมอร่อยทุกแบบ จะกินคู่กับแกงถั่วก็มีให้ 
ส่วนไก่เสิร์ฟมาชิ้นโต มีน้ำจิ้มให้ด้วย แต่บีบมะนาวลงไปก็รสชาติอร่อยแล้ว

20

อิ่มแล้วลุกขึ้นเดินไปยืดเส้นยืดสายไปชมโอ่งที่ใช้ย่างไก่ กลิ่นไก่ย่างร้อนๆหอมฉุย ใกล้ๆกันพ่อครัวปั้นแป้ง อบแป้งนานกันมือระวิง 
ใครชอบกินไก่ย่างแบบอินเดียแนะนำให้มา กินกันแบบสบายๆ ในบรรยากาศแบบโอเพ่นแอร์ ราคามิตรภาพ จะรอช้าอยู่ทำไมจ๊ะนายจ๋า

7. ตบท้ายกันด้วยของหวานลอดช่องมะละกาหรือ Cendal

 

22

ขนมน้ำแข็งใสที่เหมาะสำหรับคนแถบเส้นศูนย์สูตร ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว หน้าตาคล้ายๆกับลอดช่องไทยแต่รสชาติไม่เหมือนกัน เซนดอนมีรสหวานแต่ไม่มัน ตัวลอดช่องคล้ายบ้านเราแต่แข็งกว่า ที่นี่มีให้เติมถั่วแดงเพิ่มลงไปด้วย

มีขายตามร้านอาหารทั่วไป แต่ที่ลองแล้วน้ำเชื่อมลอดช่องมีความหวานหอมชื่นใจ ขอยกให้เซนดอลที่ร้านข้าวมันไก่ฟาร์โมซา ย่าน Jonker Walk