พ.ร.ก.โรคติดต่อ สัญญาณ "เร่งเปิดมือง"

พ.ร.ก.โรคติดต่อ สัญญาณ "เร่งเปิดมือง"

จากนี้ไปไม่ต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการรวมศูนย์การแก้ปัญหาโควิด-19 อีกต่อไป เพราะมีการปรับแก้ไขใหม่ ทำให้บริหารจัดการโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นสัญญาณ "เปิดประเทศ" ภายในเดือน ต.ค.2564 ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2564 คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 พ.ศ..... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อกำหนดให้มีมาตรการที่จำเป็นและมีประสิทธิภาพในการป้องกัน ระงับ ควบคุม หรือขจัดโรคติดต่อที่มีการระบาดในกรณีปกติและในกรณีที่มีความรุนแรงให้ยุติหรือบรรเทาลงโดยเร็ว

และเพิ่มหมวดเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เพื่อแยกการจัดการกรณีโรคติดต่อในสถานการณ์ปกติ ออกจากโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่มีลักษณะของการเป็นโรคอุบัติใหม่หรือโรคติดต่ออุบัติซ้ำ

จากนี้ไปไม่ต้องประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เป็นการรวมศูนย์การแก้ปัญหาโดยใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ส่งผลโดยตรงการบริหารจัดการโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นสัญญาณการเปิดเมืองในเดือนต.ค.2564 ตามนโยบายเปิดประเทศใน 120 วัน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

 

ไฮไลต์การเปิดเมืองขณะนี้อยู่ที่พื้นที่เมืองหลวงหรือ “กรุงเทพฯ แซนด์บ็อกซ์” วันนี้อยู่ระหว่างเร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ล่าสุดขาดอีก 2 ล้านโดส จึงจะได้รับวัคซีน 2 โดส ตามเกณฑ์ที่ 70% ของประชากร

หลังจากนำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา แผนการเปิดประเทศระยะที่ 2 คือวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเพิ่มอีก 4 จังหวัด ประกอบด้วย 1.เชียงใหม่ (เฉพาะ อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) 2.ชลบุรี (พัทยา สัตหีบ อ.บางละมุง) 3.เพชรบุรี (ชะอำ) และ 4.ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน)

ท่ามกลางความเห็นที่ไม่ตรงกัน มีทั้งสนับสนุนและคัดค้าน ฝ่ายสนับสนุนเห็นว่าเพื่อการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่วนฝ่ายคัดค้านกังวลการติดเชื้อโควิด-19 ในไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เกรงว่าต้องกลับมาล็อกดาวน์อีกครั้ง

 

ทางสายกลางเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุด การเปิดประเทศในขณะนี้ ภาพรวมสถานการณ์การติดเชื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขความปลอดภัยและความจำเป็นทางเศรษฐกิจ บนความพร้อมของผู้คุมกฎและผู้ถูกควบคุม ภาครัฐจะต้องวางระบบคัดกรอง ตรวจสอบ และติดตามได้แม่นยำ ประชาชนต้องมีวินัยเคร่งครัดในพฤติกรรมการอยู่ร่วมกันเอง และร่วมกันกับโควิด-19 รวมทั้งการประเมินสถานการณ์ที่แม่นยำของฝ่ายนโยบาย จะเป็นกุญแจสำคัญ

ขออย่าให้มีวาระซ่อนเร้นหรือเอาชนะกันระหว่างองค์กร ต้องไม่มีการแย่งชิงผลประโยชน์ในการหาเสียงทางการเมือง เพราะฤดูเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที หากการเปิดประเทศสำเร็จ จะนำไปสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ตามที่รัฐบาลคาดหวัง

หลังจาก ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดึงชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงในลักษณะผู้พำนักระยะยาวใน 4 กลุ่มเป้าหมาย ตั้งเป้า 5 ปี 1 ล้านคน คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท สร้างรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 2.7 แสนล้านบาท จะได้เป็นจริงดังหวัง