เขื่อนป่าสักฯ เพิ่มการระบายน้ำ เตรียมรับมือพายุ

เตรียมรับมือพายุ "เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์" เพิ่มการระบายน้ำจาก 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 120 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 65 นายอภิรักษ์ ศรีกุลวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ แจ้งว่า ตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 8 (191/2565) ทำให้มีฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ได้เพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 80 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จนถึงอัตรา 120 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 80 – 90 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำ ไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่ง และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เสี่ยงท้ายน้ำ

โดยเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 174 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ระบายน้ำออก 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือ 6 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน มีปริมาณน้ำ ในอ่างเก็บน้ำ 408 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42.50 โดยยังสามารถรับน้ำได้อีกกว่า 500 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุของอ่างเก็บน้ำสูงสุดที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร
 

ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีศักยภาพสูงสุดในการระบายน้ำอยู่ที่ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะนี้ได้เพิ่มการระบายน้ำเป็น 120 ลูกบาศก์ต่อวินาที หากไม่มีฝนตกทางจังหวัดทางภาคเหนือ หรือพายุที่ทำให้เกิดฝนตกหนักและตกต่อเนื่องในพื้นที่ คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ แต่หากมีปริมาณน้ำจำนวนมากเหมือนเมื่อปีที่ผ่านมา เขื่อนฯจำเป็นต้องระบายน้ำออกไปยังพื้นที่ท้ายน้ำ โดยจะให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด และจะประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบล่วงหน้า ขอให้ประชาชนและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไป