“เฉียด”

เวลาเกิดเหตุการณ์น่าหวาดเสียว เช่น เครื่องบิน 2 ลำ บินเข้ามาใกล้กันมาก จนเกือบจะชนกันกลางอากาศ
เราเรียกเหตุการณ์แบบนั้นว่า “เฉียด” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Near Miss”
คำนี้ใช้มานาน ทั้งในภาษาทั่วไป ในวงการธุรกิจ และวิชาการ หมายถึงเหตุการณ์ที่“เกือบเกิด แต่สุดท้ายก็ไม่เกิด” คือเกิดความหวาดเสียว แต่ไม่ได้ชนกัน
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า คำนี้มันช่างขัดแย้งในตัวเอง เพราะ “Near” แปลว่า “ใกล้” และ “Miss” แปลว่า “พลาด” เมื่อรวมกันก็คือ “ใกล้พลาด” หรือ “เกือบพลาด”
เกือบพลาด ก็แปลว่า ไม่พลาด และเมื่อไม่พลาด ก็ควรแปลว่า “ชน” สิครับ!
เหมือนที่เราพูดว่า “เกือบตก” ก็คือไม่ตก หมายถึงสอบได้ด้วยคะแนนที่ผ่านเพียงนิดเดียว ส่วน “เกือบได้” ก็แปลว่าสอบไม่ได้ หรือ สอบตก เพราะขาดคะแนนอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง
แต่คำว่า Near Miss ก็เป็นที่ยอมรับและใช้กันทั่วไป เช่น รายงานอุบัติเหตุของธุรกิจการบิน หรือในกิจการธนาคาร เช่น ธนาคารเกือบจะโอนเงินผิดบัญชี แต่แก้ไขได้ทันเลยไม่ได้โอน เป็นต้น
แต่กระเหรี่ยงอย่างผม ก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าคำที่สื่อความได้ชัดเจนกว่า “Near Miss” น่าจะเป็น “Near Hit”มากกว่าไหม? เพราะหมายถึง “เกือบชน” (แต่ไม่ชน) หรือที่เราเรียกว่า “เฉียด” นั่นแหละ
อย่างกรณี โดนัล ทรัมป์ ถูกลอบยิง มีเลือดไหลเล็กน้อยที่ใบหูขวา แบบนั้นก็เรียกว่า “เฉียด” คือ “Near Hit” ใช่ไหม
เพราะจังหวะที่คนร้ายเหนี่ยวไก ถ้าทรัมป์หันหน้าเอียงออกไปอีกเพียงไม่กี่องศา คนที่มานั่งเป็นสักขีพยานให้นายกฯ อนุทินลงนามกับนายกฯเขมร เมื่อต้นสัปดาห์นี้คงไม่ได้ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ แล้วครับ
คำที่ตั้งไม่ตรงกับความหมายจริง ฝรั่งเรียกว่า “Misnomer” แปลว่า “คำที่ตั้งชื่อผิด” และแทบทุกภาษาก็มี
อย่าง “Guinea Pig” หรือ “หมูกินี” นั้นไม่ใช่หมู นะครับ และไม่ได้มาจากกินีด้วย แต่ก็ใช้คำนี้กันเรื่อยมาหรือ “French Fries”ก็ไม่ได้มาจากฝรั่งเศส แต่มาจากเบลเยียม
ส่วนภาษาไทย คำว่า “วิน” ซึ่งน่าจะมาจาก Winแปลว่า “ชนะ” แต่กลับกลายมาเป็น “วินมอเตอร์ไซด์” ได้อย่างไร แต่เราก็ใช้ต่อกันมา จนทุกวันนี้เรามี “พี่วิน” อยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
คำที่ใช้กันจนเคยชินแบบนี้ พอใช้นานเข้า จากที่ไม่ใช่ ก็กลายเป็นใช่ หรือได้รับการยอมรับไปเอง
บางคำอาจไม่ใช่ Misnomer เช่น “ห้ามมิให้” ในภาษากฎหมาย “ห้าม” แปลว่า “ไม่ให้ทำ” และ “มิให้” ก็แปลว่า “ไม่ให้ทำ” รวมกันแล้วเหมือน “ไม่ให้ไม่ให้ทำ” ตกลงทำได้หรือไม่ได้ครับ?
แต่เราก็ใช้กันมานานจนถึงวันนี้ และรู้โดยนัยว่า “ห้ามมิให้” หมายถึง “ห้ามทำ” บางท่านก็อธิบายว่าเป็นการใช้ซ้อนกัน เพื่อย้ำว่าไม่ให้ทำ ซึ่งสำหรับฝรั่งที่เพิ่งเรียนภาษาไทย คงมึนงงไม่น้อยทีเดียว
อย่างไรก็ตามหลายคำก็มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ถูกต้องขึ้น เช่น สมัยก่อนเราเรียกยาเสพติดกระตุ้นประสาทว่า “ยาม้า” ต่อมารัฐบาลเปลี่ยนเป็น “ยาบ้า” เพื่อสะท้อนผลที่แท้จริงของยาตัวนี้
ส่วนคำว่า “ม้า” วันนี้เราได้ยินคำว่า “บัญชีม้า” ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ใช่ม้ามาเปิดบัญชี (ยกเว้นเป็นบัญชีของคนชื่อม้า 555) แต่มีที่มาจากวงการแข่งม้า ที่มี “ม้าตัวปลอม” ลงแข่งแทนตัวจริง เพื่อหลอกนักพนัน
ตั้งชื่อคล้ายกัน เช่นGold Star กับGolden Star ใช้จ็อกกี้คนเดียวกัน เพื่อให้นักพนันเข้าใจผิด จนเป็นที่มาของคำว่า “บัญชีม้า” คือบัญชีที่ไม่ใช่เจ้าของตัวจริง
ภาษาอังกฤษเองก็หลายคำ ที่ปรับให้ถูกต้องขึ้นในภายหลัง แม้จะไม่ใช่คำที่ตั้งผิดแต่แรกก็ตาม เช่นManpower ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นWorkforce เพื่อให้ครอบคลุมทั้งชายและหญิง
Chairman เป็นChairpersonหรือFireman เป็นFirefighter เพื่อลดอคติทางเพศ ส่วนBlacklist ก็เปลี่ยนเป็นBlocklist เพื่อหลีกเลี่ยงการเหยียดผิว เป็นต้น
เห็นไหมครับ ภาษาเปลี่ยนได้ และหลายครั้งมันสะท้อนว่า “สังคมยอมรับอะไร” ในยุคนั้น ๆ เพียงแต่ว่า มีหลายคำที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังคงใช้ต่อเนื่อง จนกลายเป็น “ถูก” ไปเอง
สังคมไทยเราก็มีหลายเรื่องที่รู้กันอยู่เต็มอกว่า “ไม่ถูกต้อง” แต่เมื่อทำต่อเนื่องมานาน ก็กลายเป็นเรื่องปกติไปเอง เช่นกัน
เช่น “ใต้โต๊ะ – เงินทอน – ใส่ซอง – ตั๋วช้าง – ซื้อเสียง” เพราะคนอื่นก็ทำกันแบบนี้ ถ้าเราไม่ทำ เราจะเสียเปรียบ ก็เลยทำตามกันมา
เราเลยกลายเป็นประเทศที่เต็มไปด้วย “Near Miss” ในทางจริยธรรมและคุณธรรม เฉียดไป เฉียดมา จนสุดท้ายกลายเป็นที่ยอมรับทั่วไป
สังคมแบบนี้ น่าเศร้าใจจริง ๆ
วันนี้ผมคัดมาคุยเรื่องคำที่ตั้งมาผิด แต่คำเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยของภาษาส่วนใหญ่ตั้งมาถูกต้องแล้ว หลายคำถูกต้องเป๊ะ จนเห็นภาพชัดเจน
เช่น “ปากต่อปาก” “หัวกะทิ” “ลูกผสม” “ใจแข็ง” “สายป่านยาว” หรือวลีอย่าง “ตกกระไดพลอยโจน” เป็นต้น
“เขาสอบได้ที่หนึ่งตลอดมา นี่แหละคนระดับหัวกะทิของสังคม” อย่างนี้เห็นภาพชัดเลย ใช่ไหมครับ
หรือคนใน “อาชีพ” ต่างๆ เราก็ตั้งชื่อมาชัดเจน เช่น นักวิทยาศาสตร์ นักการทูต นักปกครอง นักธุรกิจ นักการเมือง เป็นต้น เพราะทำให้นึกออกทันทีว่า เขาทำธุรกิจ เขาทำงานเรื่องบ้านเมือง… เพื่อบ้านเมือง
แต่สำหรับคนทำธุรกิจ ที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม หรือคนทำงานเรื่องบ้านเมือง แต่ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมือง แบบนี้ควรจะเรียกว่า “นัก……….” อะไรดี
เรียกว่า “นักเฉียด” ได้ไหมครับ?







