TNP - ซื้อ (3 ก.ย.64)

TNP - ซื้อ (3 ก.ย.64)

คาดผลประกอบการช่วง 3-4Q64 จะดีขึ้นรายไตรมาสตามลำดับ

ประเด็นสำคัญในการลงทุน

  • TNP รายงานกำไรงวด 2Q64 เท่ากับ 44 ลบ. +56%YoY -23%QoQ สูงกว่าคาด 19%: บริษัทรายงานรายได้ 605 ลบ. +6%YoY -19.6%QoQ ดีกว่าคาดเล็กน้อย 1.4% โดยรายได้เติบโต YoY เนื่องจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่งที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยารวมมีจำนวนทั้งหมด 34 สาขา (+4 สาขา YoY +1 สาขา QoQ) อย่างไรก็ดี รายได้หดตัว QoQ เนื่องจากผลของมาตรการภาครัฐที่น้อยกว่าไตรมาสก่อนหน้า เช่น 1) ปรับลดวงเงินบัตรสวัสดิการฯ 500 บาท จาก 700-800 บาท/คน/เดือน สู่ 200-300 บาท/คน/เดือน และ 2) งวด 2Q64 ไม่มีมาตรการ คนละครึ่งเหมือนกับช่วง 1Q64 อย่างไรก็ดี %GPM ทำจุดสูงสุดใหม่มาที่ระดับ 17.9% จากคาดที่ 16% เป็นผลจากการปรับ Product Mix และการขยายสาขาค้าปลีกที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างต่อเนื่อง ส่วน %SG&A ทรงตัวที่ระดับ 9% ส่งผลให้งวด 2Q64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 44 ลบ. +56%YoY -23%QoQ สูงกว่าคาด 19% ทำให้ครึ่งแรกปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 101 ลบ. +69%YoY และคิดเป็น 57% ของประมาณการกำไรปี 64 เดิม ที่ 177 ลบ.
  • ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 64 ขึ้น 10% สู่ 194 ลบ. +45%YoY โดยผลประกอบการช่วง 3-4Q64 จะดีขึ้นรายไตรมาสตามลำดับ: เราปรับประมาณการรายได้ปี 64 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% สู่ 2,625 ลบ. +19.5%YoY โดยคาดรายได้ช่วง 3-4Q64 จะดีขึ้นรายไตรมาสตามลำดับ ได้ผลบวกจากมาตรการภาครัฐฯ 2 รายการ คือ 1) การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการฯ 200 บาท สู่ 400-500 บาท/คน/เดือน และ 2) ‘คนละครึ่งเฟส 3 รอบ 1 และ 2’ วงเงินรอบละ 1,500 บาท ประกอบกับแผนการเปิดอีก 3 สาขาในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งแบ่งเป็นช่วง 3Q64 จำนวน 1 สาขา และ 4Q64 จำนวน 2 สาขา (Figure1) ขณะที่ %GPM ในช่วง 2H64 จะปรับเป็นฐานใหม่สูงขึ้นมาที่ระดับ 17.9% เท่ากับ 2Q64 ส่งผลให้ %GPM ทั้งปี 64 จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 17.4% จากเดิมคาดที่ระดับ 16.3% ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ขึ้น 10% สู่ 194 ลบ. +45%YoY ส่วนปี 65 บริษัทคงเป้าแผนการเปิดสาขาใหม่ 5 สาขา ในแถบ 3 จังหวัดเดิม คือ เชียงใหม่ เชียงราย และพะเยา โดยเราคงคาดการณ์รายได้ปี 65 ราว 2,815 ลบ. +7%YoY แต่ปรับ %GPM ขึ้นสู่ระดับ 17.9% จากเดิม 16.3% ส่งผลให้เราปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 65 ขึ้น 20% สู่ 221 ลบ. +14%YoY
  • ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ และเพิ่มราคาเหมาะสมปี 64 สู่ 6.70 บาท: เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสม TNP ปี 64 สู่ 6.70 บาท จากเดิม 6 บาท จากการปรับกำไรสุทธิต่อหุ้นขึ้นสู่ 0.24 บาท/หุ้น จากเดิม 0.22 บาท/หุ้น โดยคงระดับ Prospective PER ที่ 5x (3Yr.Avg.+1.25SD) ซึ่งยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 32x ส่งผลให้เราปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม ถือ

ปัจจัยเสี่ยง

     i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก

     ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า

    iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง

    iiii) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ