‘ดาวโจนส์’ปิดลบ 39 จุด-จับตาตัวเลขจ้างงานศุกร์นี้

‘ดาวโจนส์’ปิดลบ 39 จุด-จับตาตัวเลขจ้างงานศุกร์นี้

ดัชนีดาวโจนส์ปิดวันอังคาร (31ส.ค.)ปรับตัวร่วงลงในวันซื้อขายสุดท้ายของเดือนส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 39.11 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 35,360.73 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 6.11 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 4,522.68 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 6.66 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 15,259.24 จุด

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หลังจากการประชุมประจำปีของเฟดได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะนี้นักลงทุนกำลังหันมาจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2%

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.

ราคาหุ้นของบริษัทซูม วิดีโอ คอมมิวนิเคชันส์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดิ่งลงกว่า 16% ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ของลูกค้าในการใช้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ของทางบริษัท หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศเริ่มเปิดเศรษฐกิจ และผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ทั้งนี้ ซูมคาดการณ์ว่า บริษัทจะมีรายได้ 1,015-1,020 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 โดยเพิ่มขึ้นเพียง 31% เมื่อเทียบกับที่มีการขยายตัวพุ่งขึ้นหลายเท่าในปี 2563

โบรกเกอร์อย่างน้อย 4 รายได้ปรับลดตัวเลขเป้าหมายราคาของซูมท่ามกลางความไม่มั่นใจเกี่ยวกับอุปสงค์ของลูกค้า หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ก่อนหน้านี้ ราคาหุ้น ซูมพุ่งขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้าน ทำให้บริษัทมีมูลค่าตลาดสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.75 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค.2563

อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่นั้นมา ราคาหุ้นซูมปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น มูลค่าตลาดของซูมจะดิ่งลงเหลือเพียงราวครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเดือนต.ค.2563

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 18.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2530 จากระดับ 16.8% ในเดือนพ.ค.

ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ พุ่งขึ้น 19.1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 17.1% ในเดือนพ.ค.และราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองฟีนิกซ์ ซานดิเอโก และซีแอตเติล

ราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน และสต็อกบ้านที่ตึงตัว