บล.กสิกรไทย ชี้เฟดลดQE ไร้ผลกระทบ‘ตลาดหุ้นไทย’

บล.กสิกรไทย ชี้เฟดลดQE ไร้ผลกระทบ‘ตลาดหุ้นไทย’

"บล.กสิกรไทย"ชี้เฟดลด“คิวอี”ไม่กระทบตลาดหุ้นไทย เหตุ ที่ผ่านมาเงินไหลออก มากกว่าไหลเข้า "กอปสิทธิ์"คาดกนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ หลังเกิดกรณีเสียงแตกครั้งก่อน หนุนสภาพคล่องในระบบสูง

นายกวี ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย กล่าวถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจากกระแสนโยบายการปรับลดขนาดของมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี)ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ว่า ตลาดหุ้นไทยไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับลดขนาด"คิวอี"มากนัก เพราะเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามานั้น จะไปอยู่ที่ตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้น

ทั้งนี้​ จะเห็นได้ว่า หลังจากจบปัญหาซัพไพร์ม และเริ่มมาตรการคิวอี มีเงินไหลเข้ามาในประเทศประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันมีเงินไหลออกไปมากกว่าหรือประมาณ 8.7 แสนล้านบาทแล้ว ดังนั้น คิวอีไม่ได้ทำให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและไม่ได้เป็นประเด็นต่อตลาดหุ้นไทย

“ในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 มีกระแสการลดขนาดคิวอีีมาตลอดและมองว่าการเพิ่มคิวอีเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ แต่พอช่วงโควิด-19 กลับมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก แต่เศรษฐกิจก็ไม่ได้เละ ซึ่งทำให้นักเศรษฐศาสตร์เกิดความไม่เข้าใจ”

เขากล่าวว่า หลายคนมองว่าการลดขนาดคิวอี ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบในเชิงลบ ซึ่งตลาดหุ้นควรจะปรับลดลง แต่หลังจากที่มีการคุยเรื่องลดขนาดคิวอี กลับไม่มีตลาดหุ้นใดปรับลดลงเลย มีเพียงมีกรณีของจีน แต่เป็นผลจากการควบคุมนโยบายในประเทศของเขา ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐมีการทำนิวไฮ ขณะที่ ตลาดหุ้นไทยลงไประยะสั้นซึ่งลงเพราะโควิด-19ระบาด แต่ตอนนี้ กลับขึ้นมาใหม่อีกรอบ แสดงให้เห็นว่า ตลาดไม่ได้กังวลกับการถอนคิวอีเลย

“กรณีที่ตลาดหุ้นต่างๆไม่ได้กังวลกับการถอนคิวอี เป็นเรื่องต้องฝากว่า เมื่อใดก็ตามที่เราทำอะไรไปเรื่อยๆและตลาดเริ่มชินว่า ไม่มีอะไร ถึงจุดหนึ่งเราต้มกบจนกบชิน ซึ่งวันนี้ กบยังรู้สึกยังไม่ร้อน ยังต้มกบไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ที่อยู่ดีๆกบตายไปโดยไม่รู้ว่าโดนต้มอยู่ ตลาดหุ้นก็จะชินและขึ้นไปเรื่อยๆและวิกฤติจะเกิดขึ้นตอนทุกคนชิน และเชื่อว่า รอบนี้ จะเห็นกบทนได้อีกพักหนึ่ง เพียงแต่จะผันผวนมากขึ้น”

นายกอปสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ประเมินถึงทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า มีโอกาสที่จะปรับลดดอัตราดอกเบี้ยราว 40% หลังจากการประชุมครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ย แต่มีจำนวน 2 เสียงที่เห็นควรให้ลดอัตราดอกเบี้ย

เขามองว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ประโยชน์มากนัก เพราะสภาพคล่องในบ้านเรามีจำนวนมาก แต่สภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจริงกลับขาดแคลน ซึ่งสภาพคล่องที่มีจำนวนมากดูได้จาก เงินที่อยู่ในระบบข้ามคืนมีมากถึง 8.3 แสนล้านบาทต่อวัน

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจนั้น แม้ว่า เศรษฐกิจจะขยายตัวติดลบ 2 ปีซ้อน แต่สิ่งน่าเป็นห่วง คือ ภาวะแผลเป็นของเศรษฐกิจ เพราะเรื่องของจีดีพีที่ติดลบนั้น ไม่ได้ให้ภาพความเสียหายที่ครบถ้วน โดยสิ่งที่ไม่ได้คำนึง คือ ความเสียหายของงบดุล เนื่องจาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไปไม่รอดในหลายกิจการ