บล.บัวหลวง คาด 'กำไรบจ.'ไตรมาส 3/64 วูบ19% เหตุโควิดระบาด

บล.บัวหลวง คาด 'กำไรบจ.'ไตรมาส 3/64  วูบ19% เหตุโควิดระบาด

บริษัทจดทะเบียนกวาดกำไรครึ่งแรกกว่า 5.28 แสนล้านบาท ทะยาน 114% เหตุจากราคาน้ำมัน-สินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น หนุนผลการดำเนินงานกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมีฟื้น ขณะที่ บล.บัวหลวง คาดไตรมาส 3 กำไรร่วง เหตุโควิดระบาด

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรก 2564 บจ.มียอดขายรวม 6,075,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 804,953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.6% และมีกำไรสุทธิ 528,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 216,332 ล้านบาท 

ทั้งนี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับสูงขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เหล็ก ยางพารา และน้ำมันปาล์ม และผู้ประกอบการสามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากไม่รวมหมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค และปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ บจ. ยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.2% มีกำไรจากการดำเนินงานหลักเพิ่มขึ้น 32.2% และมีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 54.8%

อย่างไรก็ตาม สำหรับในไตรมาส 2 ปี 2564 บจ.มียอดขาย 3,119,488 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานหลัก 408,573 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 265,403 ล้านบาท 

ด้านบจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai )ครึ่งแรกของปี 2564 มียอดขายรวม 85,299 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,851 ล้านบาท โต3,881% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 97 ล้านบาท

ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ส.ค.) ปิดตลาดที่ระดับ 1,586.98 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด หรือ เพิ่มขึ้น 0.31% มูลค่าการซื้อขาย 100,708.84 ล้านบาท ดัชนีดีดตัวขึ้นไปแรงทดสอบใกล้ระดับ 1,600 จุดมากขึ้น

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2564 ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงกดดัน โดยจุดต้องระมัดระวังมากขึ้น คือ กำไรบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ปี 2564 จะต่ำกว่าไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่และมีมาตรการล็อกดาวน์

ทั้งนี้บทวิเคราะห์ของบัวหลวง รีเสิร์ซ คาดว่า ไตรมาส 3 ปี 2564 บจ.จะมีกำไรจากการดำเนินงาน ลดลง 13% และกำไรสุทธิ ลดลง 19% จากไตรมาส 2 ปี 2564 และ EPS คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 84.6 บาทต่อหุ้น

อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนกดดันดัชนี จากสัดส่วนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็มในไทยยังอยู่ระดับต่ำที่ 7.3% และต้องติดตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนกรณีเฟดลดคิวอีภายในปีนี้ ทำให้แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่าและเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่า  นอกจากนี้คาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติยังไม่ไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทย

   

ดังนั้น บล. บัวหลวง มองกรอบดัชนีระยะสั้น ที่แนวรับ 1,550 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด และยังคงเป้าหมายดัชนีปีนี้ที่ 1,605 จุด มีกรอบแนวรับ 1,500 จุด แนวต้าน 1,605 จุด  ส่วนในปี 2565 มองเป้าหมายดัชนีที่ 1,784 จุด จากการฉีดวัคซีน 2 เข็มในประเทศช่วงกลางปี จะเริ่มครอบคลุมมากขึ้นกว่า 50% อีกทั้งเศรษฐกิจในประเทศจะเริ่มฟื้นดีและการขับเคลื่อของเศรษฐกิจโลก คาด EPS บจ.จะอยู่ที่ระดับ98บาทต่อหุ้น

“ด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนทำให้ยังไม่มั่นใจว่า ดัชนีจะขึ้นได้ต่อเนื่องหรือไม่ การที่ดัชนีปรับขึ้นช่วงนี้ เป็นการรีบาลานซ์พอร์ตในระยะสั้น ไปกับภาพยอดผู้ติดเชื้อ ซึ่งธีมหุ้นเปิดเมืองหรือเปิดประเทศ จะยังคงอยูู่ตลอดปีนี้ แต่ภาพจะชัดเจนขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือปีหน้า”

 นายชัยพร แนะนำว่า ในปีนี้ยังเน้นลงทุนหุ้นที่อิงการเติบโตเศรษฐกิจโลก (Global growth) สัดส่วน70 % ได้แก่ IVL , TU , KCE , HANA , CBG  และสัดส่วนอีก 30% แนะนำลงทุนหุ้นที่อิงการเติบโตในประเทศ (Domestic plays) เช่น M , TISCO , KKP , AMATA , BH , CPN , OR , CRC