โควิดป่วนแผนย้ายฐานผลิต3บ.เทคฯสหรัฐไปเวียดนาม

โควิดป่วนแผนย้ายฐานผลิต3บ.เทคฯสหรัฐไปเวียดนาม

การะบาดของโรคโควิด-19กำลังทำให้แผนการของแอ๊ปเปิ้ล กูเกิล อเมซอนและบรรดาซัพพลายเออร์สำคัญๆที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปเวียดนาม สะดุดลงเนื่องจากรัฐบาลเวียดนามใช้มาตรการคุมเข้มการเข้า-ออกตามแนวพรมแดนด้วยความหวังว่าจะสกัดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

เว็บไซต์นิกเคอิ รายงานโดยอ้างคนวงใน4คนที่รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สมาร์ทโฟนรุ่นพิ๊กเซล 6 ที่กำลังจะเปิดตัวของกูเกิลจะผลิตในจีนแม้ว่าบริษัทมีแผนที่จะย้ายฐานการผลิตมือถือไปยังตอนเหนือของเวียดนามตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และก็เหมือนกับสมาร์ทโฟนรุ่นพิ๊กเซล 5 ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว พิ๊กเซล6 จะประกอบในเสิ่นเจิ้นเพราะข้อจำกัดด้านทรัพยากรวิศวกรรมในเวียดนามและข้อจำกัดด้านการเดินทางข้ามประเทศ

ขณะที่แอ๊ปเปิ้ล จะเริ่มผลิตหูฟังโทรศัพท์มือถือแอร์พอดรุ่นล่าสุดในจีนแทนที่จะเป็นในเวียดนามตามที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ แม้่บริษัทยังคงหวังว่าจะย้ายการผลิตแอร์พอดรุ่นใหม่ประมาณ20% ไปเวียดนามในปลายปีนี้

แอร์พอดทั้งสำหรับตลาดทั่วไปและตลาดไฮเอนด์ เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆที่แอ๊ปเปิ้ลเริ่มผลิตปริมาณมากในเวียดนามโดยบริษัทย้ายฐานการผลิตไปที่นั่นเมื่อสองปีก่อนในช่วงที่การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม แอ๊ปเปิ้ลจำเป็นต้องชะลอแผนเดินสายการผลิตแมคบุ๊คและไอแพดในเวียดนามไว้ก่อนเพราะปัญหาขาดแคลนทรัพยากรวิศวกรรม ระบบห่วงโซ่อุปทานคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ยังไม่สมบูรณ์ และสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ส่วนการผลิตกริ่งประตูอัจฉริยะ กล้องรักษาความปลอดภัย และลำโพงอัจฉริยะของอเมซอน ที่เพิ่งย้ายฐานการผลิตเข้าไปในเวียดนามเมื่อไม่นานมานี้ก็เจอปัญหาล่าช้ามาตั้งแต่เดือนพ.ค.เนื่องจากสายการประกอบอุปกรณ์อัจฉริยะเหล่านี้ในตอนเหนือของเวียดนามต้องรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต้องปฏิบัติตามมาตรการเข้มงวดต่างๆเพื่อสกัดการระบาดของโรคร้ายนี้

เวียดนาม เป็นแหล่งผลิตที่ดึงดูดความสนใจของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2561 ที่สหรัฐและจีนเริ่มตอบโต้กันและกันด้วยมาตรการภาษี และเนื่องจากเวียดนามมีแรงงานหนุ่มสาวจำนวนมาก บรรดาซัพพลายเออร์ของแอ๊ปเปิ้ล กูเกิล อเมซอน ไมโครซอฟต์ และเดลล์ต่างเข้าไปตั้งโรงงานผลิต หรือขยายโรงงานผลิตที่มีอยู่แล้วในเวียดนามตลอดช่วงสองสามปีที่ผ่านมา

แต่การสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องใช้วิศวกรที่มีประสบการณ์และแรงงานท้องถิ่นที่ได้รับการฝึกฝนอบรมอย่างดี ทั้งจีนและเวียดนามต่างประกาศมาตรการคุมเข้มบริเวณพรมแดนที่เข้มงวดขึ้นในปีนี้ ทำให้แผนย้ายฐานการผลิตระหว่างสองประเทศไม่สามารถทำได้

“แรงงานด้านวิศวกรรมของเวียดนามยังมีไม่เพียงพอและเนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง จึงทำได้แค่ผลิตในเวียดนามโดยอาศัยโรงงานที่มีอยู่”แหล่งข่าววงใน กล่าว

สำนักงานตรวจค้นเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ยืนยันในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ได้ออกมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกบริเวณพรมแดนของสองประเทศและชะลอการออกพาสปอร์ตใหม่และเอกสารการเดินทางเพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

เมื่อวันอังคาร (17 ส.ค.) เวียดนามพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มอีก 9,605 ราย เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศ10 ราย มีผู้ที่ได้รับการรักษาจนหายดี 111,308 ราย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 293,301 รายและผู้เสียชีวิตสะสม 6,472 ราย

ขณะที่การส่งแรงงานไปเวียดนามก็มีความยากลำบากมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดคลื่นการติดเชื้อระลอกใหม่ที่รุนแรงขึ้นในเดือนพ.ค.โดยบรรดาผู้จัดการระบบห่วงโซ่อาหารที่หลากหลายเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิว่า ตอนนี้พนักงานชาวจีนประสบปัญหายากลำบากมากขึ้นในการยื่นเอกสารเพื่อขอเดินทางเพื่อมาทำธุรกิจในเวียดนาม

“ตั้งแต่ต้นปีมานี้ มีการขอเอกสารมากขึ้นและสอบถามผู้ยื่นเอกสารขอเดินทางเข้าเวียดนามมากขึ้น บรรดาซัพพลายเออร์จำนวนมากบอกว่า พวกเขาพยายามรับสมัครวิศวกรจีนเข้ามาในเวียดนามแม้ว่าการเข้า-ออกในเวียดนามจะเข้มงวดมากขึ้น บริษัทจึงนำวิศวกรชาวไต้หวันที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจากจีนเข้ามาทำงานในเวียดนาม” ผู้จัดการอาวุโสของบริษัทซัพพลายเออร์อเมซอน กล่าว