อาเซียนเร่งสรุปผลงานในรอบ 1 ปี ก่อนชงที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ก.ย.นี้

อาเซียนเร่งสรุปผลงานในรอบ 1 ปี ก่อนชงที่ประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ก.ย.นี้

ที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน เร่งสรุปผลการทำงานตามแผนด้านเศรษฐกิจ 13 ประเด็นพร้อมเร่งแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และขอเร่งสมาชิกช่วยผลักดันอาร์เซ็ปให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ก่อนชงที่ประชุมระดับรัฐมนตรีฯ (AEM) เดือนก.ย.นี้

นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  เปิดเผยว่า นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน หรือ SEOM ครั้งที่ 3/52 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ 2-4 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อติดตามการดำเนินงานสำคัญของอาเซียน โดยเฉพาะการเร่งฟื้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากการระบาดของโควิด-19 และเตรียมการสำหรับประชุมร่วมกับประเทศนอกภูมิภาค ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเตรียมเสนอผลการทำงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในเดือนก.ย.นี้  

ที่ประชุม SEOM ครั้งนี้ ได้ข้อสรุปที่สำคัญหลายเรื่อง โดยเฉพาะการดำเนินงานตามแผนงานด้านเศรษฐกิจสำคัญประจำปี 2564 (Priority Economic Deliverables) 13 ประเด็น ซึ่งบรูไนฯ ในฐานะประธานอาเซียน ผลักดันภายใต้ยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการฟื้นฟู ด้านการเป็นดิจิทัล และด้านความยั่งยืน มีความคืบหน้าอย่างมาก เช่น การจัดทำเครื่องมือประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่มิใช่ภาษีของประเทศสมาชิก (NTM Toolkit) การจัดทำร่างกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนของอาเซียน (ASEAN Investment Facilitation Framework) และการจัดทำแผนฟื้นฟูการท่องเที่ยวอาเซียนหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นต้น รวมทั้งประเด็นที่นอกเหนือจากด้านเศรษฐกิจ ซึ่งใกล้ดำเนินการแล้วเสร็จเช่นกัน โดยเฉพาะการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ของอาเซียนเพื่อรับมือการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) 

  162866438599

 

นายดวงอาทิตย์ กล่าวว่า  นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกได้เร่งรัดให้ทุกประเทศ เร่งดำเนินการให้ความตกลงที่ลงนามไปแล้วมีผลบังคับใช้โดยเร็วเพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันให้มากขึ้นและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อาทิ ความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP

อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างเศรษฐกิจของภูมิภาคให้ฟื้นจากผลกระทบของโควิด–19 การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและสอดรับกับกระแสโลก ที่ประชุมฯ จึงมีการหารือ 1. กำหนดแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในอนาคต 2. การผลักดันแผนงานระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคให้มีความแข็งแกร่ง และ 3. การฟื้นฟูภูมิภาคจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งการเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงานของกรอบการฟื้นฟูของอาเซียน และการเร่งหาข้อสรุปในการพิจารณาขยายบัญชีรายการสินค้าจำเป็น (essential goods) ที่ไม่ใช้ข้อจำกัดการส่งออกระหว่างกัน ให้เสร็จก่อนการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ในเดือนก.ย.นี้ เพื่อมุ่งรักษาความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างกันให้เข้มแข็งช่วงการระบาดของโควิด-19

 

ทั้งนี้ ในปี 2563 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 94,623.83 ล้านดอลลาร์ โดยไทยเกินดุล มูลค่า 16,284.74 ล้านดอลลาร์ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน มูลค่า 55,454.28 ล้านดอลลาร์ และการนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 39,169.54 ล้านดอลลาร์ สำหรับการค้าระหว่างกันในช่วงเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2564 มีมูลค่า 54,765.71 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15.26% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 31,652.03 ล้านดอลลาร์ และนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 23,113.68 ล้านดอลลาร์ คู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์