ตลท. จ่อเพิ่มเกณฑ์กำกับ 'หุ้นราคาผันผวนแรง' แม้ถูกคุมอยูู่แล้ว

ตลท. จ่อเพิ่มเกณฑ์กำกับ 'หุ้นราคาผันผวนแรง' แม้ถูกคุมอยูู่แล้ว

ตลท.เตรียมทบทวนมาตรการกำกับซื้อขายด้วย Cash Balance และ Net settlement  เพิ่มเติม หลังยังพบบางหลักทรัพย์ถูกควบคุมแล้วราคายังผันผวนแรง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  ขณะนี้ ตลท.อยู่ระหว่างการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทบทวนมาตรการกำกับการซื้อขายด้วย Cash Balance และ Net settlement  เพื่อป้องกันไม่ให้มีการซื้อขายจนผิดปกติ แม้จะใช้มาตรการในการควบคุมที่มีอยูู่แล้ว  

เนื่องจากพบว่า  ขณะนี้ยังมีบางหลักทรัพย์ ราว10% ที่ถูกควบคุมตามเกณฑ์กับกำกับการซื้อขายที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีความผันผวนค่อนข้างสูงอยู่ ดังนั้น ตลท.จึงมองจะพิจารณาว่าควรมีมาตรการอื่นที่จะมาช่วยควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่  ทั้งนี้ หากมีความชัดเจน ตลท. จะมีการชี้แจ้งต่อไป 

ทั้งนี้ การปรับมาตรการเพิ่มเติม ทาง ตลท.จะคำนึงถึงภาพรวมให้มีความสมดุลกับการปล่อยให้เกิด Price Discovery และทำให้เกิดความเท่าเทียมกัน จึงต้องมีการพูดคุยและปรึกษาผู้ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อน หากมีความชัดเจนมากขึ้น ตลท. จะมีการชี้แจ้งต่อไป 

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเกณฑ์การกำกับการซื้อขายในปัจจุบันที่มีอยู่ถือว่า มีประสิทธิภาพควบคุมความผันผวนของราคาหุ้นที่ถูกควบคุมได้พอสมควรหรือราว 90% ก็พบว่าราคาหุ้นก็ปรับลดลงมา

"หากเป็นหุ้นที่ไม่มีปัจจัย ไม่ได้มีข่าว ไม่มีอะไรที่จะทำให้ราคาสมควรจะมีการเปลี่ยนแปลง เกณฑ์ต่างๆที่มีสามารถควบคุมได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวล  แต่พบว่า ยังมีบางหลักทรัพย์ที่เข้าไปในเกณฑ์ 3-4 อย่างของเราแล้ว ยังไม่สามารถควบคุมราคาที่ผันผวนแรง ตอนนี้เราก็อยู่ในการพิจารณาเพิ่มเติมว่าจะสามารถควบคุมตรงนี้ให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง ”

ขณะที่ภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ไทย เดือนก.ค. 2564  นายภากร กล่าวว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยังคงประมาณการเติบโตเศรษฐกิโลกที่ 6% ในปี 2564  โดยมีการเพิ่มประมาณการเติบโต พัฒนาแล้ว  ในขณะที่ลดประมาณการเติบโตของของประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาลงเมื่อเทียบกับตัวเลขที่ประกาศในคราวก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเข้าถึงวัดซีนป้องกัน โควิด-19 ที่ไม่เท่าเทียมกัน

การระบาดระลอกใหม่ของ โควิด-19 สายพันธ์เดลตาในไทยเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มไปอยู่ที่ประมาณ 15,000 รายช่วงปลายเดือนกรกฏาคม 2564 ในขณะที่ SET index ปรับตัวลดลง 3.4% เมื่อเทียบจากหลังวันหยุดช่วงสงกรานต์ที่จำใหม่เริ่มเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 SET Index ปิดที่ 1,52192 จุด ลคลง 4.14%  จากสิ้นเดือนก่อนหน้า  สาเหตุจากเงินบาทอ่อนค่าเป็นหลัก แต่เมื่อพิจาณาช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 SET Index ยังปรับเพิ่มขึ้น 5.0% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับ สิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มบริการ

 ในเดือนกรกฏาคม 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 84,941 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 7 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทางด้านผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยในเดือนกรกฎาคม 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 17,741 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 7 เดือนแรกปี2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 95,558 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 129,185 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง

ในเดือนกรกฎาคม 2564 มีบริษัทเข้าจตทะเบียนซื้อขายใหใน SET 3 บริษัท และ 1ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของmai  1 บริษัท  โดยใน 7 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าระดมทุน (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ใน ASEAN