น้ำมัน อาหารสดดันเงินเฟ้อก.ค.เพิ่ม0.45 % ชะลอตัวจากเดือนมิ.ย.

น้ำมัน อาหารสดดันเงินเฟ้อก.ค.เพิ่ม0.45 % ชะลอตัวจากเดือนมิ.ย.

พาณิชย์ เผย ราคาพลังงาน อาหารสด มาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ค่าเล่าเรียน กดเงินเฟ้อเดือนก.ค.ขยายตัว 0.45 % แต่เป็นแบบชะลอตัว ชี้โควิดยังเป็นปัจจัยสำคัญกดดันเงินเฟ้อ

นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค เงินเฟ้อทั่วไป เดือนก.ค.2564 เพิ่มขึ้น 0.45% แต่เป็นการเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้  ซึ่งเงินเฟ้อที่ขยายตัว 0.45%เป็นผลจากการขยายตัวต่อเนื่องของสินค้าในกลุ่มพลังงาน 6.30%  และการสูงขึ้นของอาหารสดบางประเภท อาทิ เนื้อสุกร ไข่ไก่และผลไม้สด ตามความต้องการในช่วงล็อกดาวน์ ประกอบกับเกิดโรคระบาดในสุกรส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดน้อยลง

นอกจากนี้ ไข่ไก่และผลไม้สด ฐานราคาของปีที่ผ่านมาอยู่ระดับต่ำ ขณะที่มาตรการ     ลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ ทั้งการลดค่าไฟฟ้า น้ำประปา ในรอบเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2564 และการลด      ค่าเล่าเรียน-ค่าธรรมเนียมการศึกษา รวมทั้ง การลดลงของอาหารสดบางประเภท (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ผักสด) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และเครื่องนุ่งห่ม เป็นปัจจัยทอนที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้ชะลอตัว สำหรับสินค้าในหมวดอื่น ๆ ยังเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตและความต้องการในช่วงการระบาดของโควิด-19

สำหรับ เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้ว ขยายตัว 0.14 % ชะลอตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 0.52 % เงินเฟ้อทั่วไป เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย. 2564 ลดลง 0.12 % และเฉลี่ย      7 เดือน (ม.ค.- ก.ค.) ปี 2564 สูงขึ้น 0.83%

162813873637

นายวิชานัน กล่าวว่า  เงินเฟ้อที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องซึ่งขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวเช่นกัน อาทิ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า ยอดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์และรถจักรยานยนต์ รวมถึงรายได้เกษตรกร นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ยังคงขยายตัวได้แต่ในอัตราที่ชะลอลง โดยดัชนีราคาผู้ผลิต ขยายตัว 5.0%  จาก 5.5 % ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ขยายตัว7.8%   จาก 10.1%  ในเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับการลดลงเล็กน้อยของอัตราการใช้กำลังการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศ และปริมาณการจำหน่ายเหล็ก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 แต่การส่งออกสินค้าของไทยยังมีแนวโน้มปรับตัว
ดีขึ้นตามลำดับ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อและอุปสงค์ในประเทศ

    162813875047    

 

ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนส.ค. 2564 คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยมีปัจจัยสำคัญจากมาตรการลดค่าครองชีพผู้บริโภคของภาครัฐ ทั้งการลดค่ากระแสไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ในรอบเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2564 อีกทั้งราคาพลังงานที่ถึงแม้     จะมีแนวโน้มสูงขึ้นจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลงในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก     แต่มีแนวโน้มชะลอตัว เนื่องจากฐานราคาของปีก่อนเริ่มสูงกว่าช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้เงินเฟ้อขยายตัวน้อยลง สำหรับสินค้าในหมวดอื่น ๆ น่าจะยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ตามปริมาณผลผลิตและความต้องการ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังมีโอกาสผันผวนตามสภาพอากาศ ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งเป็นแรงกดดันสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศ อย่างไรก็ตาม แผนการจัดหาและการกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความชัดเจน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ทยอยออกมาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง น่าจะสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในกรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ คือที่ 1.0 – 3.0%

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยในปี 2564 จะอยู่ระหว่างร้อยละ 0.7 – 1.7โดยมีค่ากลางอยู่ที่        1.2%   ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง