เมื่อคุณหมอ.. 'ปั่นหุ้น'

เมื่อคุณหมอ.. 'ปั่นหุ้น'

เรื่องโรคร้าย ยารักษาโรคร้าย และการ "ปั่นหุ้น" ดูเหมือนจะเป็นของคู่กับ "ตลาดหลักทรัพย์" เพราะเคยมีคดีเกี่ยวพันกับเรื่องทำนองนี้มาแล้วหลายคดี

ข่าวเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนทางเลือกสำหรับโรคโควิด-19 และมีคุณหมอท่านหนึ่งมาพูดเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนดังกล่าวเสมอ จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ได้กระทำโดยมีเจตนาสร้างราคาหุ้นโรงพยาบาลในตลาดหลักทรัพย์หรือเปล่า?

เรื่องของโรคร้าย เรื่องของยาที่ใช้แก้โรคร้ายนั้น และการปั่นหุ้นดูเหมือนจะเป็นของคู่กับตลาดหลักทรัพย์ เพราะเคยมีคดีหลักทรัพย์ที่เกี่ยวพันกับเรื่องทำนองนี้มาแล้วหลายคดี วันนี้ผู้เขียนจึงขอนำ คดีที่เกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้นและราคายาในสหรัฐอเมริกา มาเล่าให้ผู้อ่านฟังกัน

คดีแรก เป็นคดีของนาย Martin Shkreli

เรื่องเริ่มจาก Shkreli จัดตั้งบริษัท Turing Pharmaceuticals เมื่อต้นปี 2558 โดยมีนโยบายซื้อสูตรยาที่หมดอายุการคุ้มครองของ "สิทธิบัตร" แล้วมาทำการประเมินราคาขายใหม่

Turing Pharmaceuticals มีสูตรยาอยู่หลายตัว ในเดือนสิงหาคม 2558 Turing Pharmaceuticals ได้ไปซื้อสูตรยา Daraprim จากบริษัท Impax Laboratories สูตรยานี้มีอายุ 62 ปีแล้วเป็นยาสำหรับช่วยผู้ป่วยโรคเอดส์

ต่อจากนั้นมาไม่นาน Shkreli ก็ขึ้นราคาขายของยา Daraprim จาก 13.50 เหรียญเป็น 750 เหรียญต่อยา 1 เม็ด หรือขึ้นราคาเพิ่มขึ้น 56 เท่า สร้างความไม่พอใจให้กับวงการแพทย์และประชาชนทั่วไป

ต่อมาในเดือนธันวาคม 2558 Shkreli ก็ถูกฟ้องดำเนินคดีในข้อหาการหลอกลวงเกี่ยวกับหลักทรัพย์เมื่อครั้งที่เขายังจัดการกองทุนภายใต้บริษัท MSMB Capital Management โดยกล่าวหาว่า เขาใช้เงินจากบริษัทหนึ่งไปให้กับนักลงทุนในอีกบริษัทหนึ่งแบบเดียวกับแชร์ลูกโซ่ แต่ Shkreli อ้างว่าเขาถูกดำเนินคดีเพราะทางการไม่พอใจเขาในการขึ้นราคายา Daraprim

162805486819
Martin Shkreli

จากพยานหลักฐานที่นำเสนอต่อศาล Shkreli ได้ทำการหลอกลวงนักลงทุน เช่น อ้างว่ากองทุนมีมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญแต่ความจริงมูลค่าสินทรัพย์สุทธิกลายเป็นติดลบร้อยละ 33 อ้างว่ากองทุนมีผลประกอบการเหนือดัชนี S&P 500 Index และก็ยังรับเงินผู้ลงทุนมาจนนาทีสุดท้ายก่อนที่จะปิดกองทุน

การดำเนินคดีได้ดำเนินการต่อเนื่องมาจนถึงเดือนเมษายน 2561 ผลสุดท้ายศาลตัดสินให้ Shkreli มีความผิดและพิพากษาให้จำคุก 7 ปี

คดีที่สอง เป็นเรื่องพิสดารพันลึกที่สุดของวงการแพทย์สมัยใหม่

คดีนี้เป็นเรื่องราวของบริษัท Theranos บริษัทที่อยู่ได้เป็น 10 ปีแล้วถึงจะพบว่าเป็นเรื่องลวงโลก มีนักลงทุนที่ไปลงทุนในบริษัทหลายร้อยล้านเหรียญ บริษัท Theranos ก่อตั้งขึ้นในปี 2546 โดย Elizabeth Holmes สาวน้อยวัย 20 เพื่อที่จะสร้างเครื่องมือที่จะตรวจเลือดแบบใหม่เพิ่งจะใช้เลือดเพียงเล็กน้อยจากปลายนิ้ว มีแพทย์เป็นจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าวิธีการดังกล่าวไม่อาจเชื่อถือได้ แต่ก็มีคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดให้การสนับสนุน บริษัท Theranos ระดมทุนเพื่อการวิจัยครั้งแรกได้ 6 ล้านเหรียญในปี 2547 และก็ได้ระดมทุนอีกหลายครั้งจนกระทั่งถึงปี 2553 Theranos ได้เงินทุนไปกว่า 92 ล้านเหรียญจากพวกธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital)

Elizabeth Holmes สาวน้อยวัย 20 ระดมทุนสร้างเครื่องมือที่จะตรวจเลือดแบบใหม่เพิ่งจะใช้เลือดเพียงเล็กน้อยจากปลายนิ้ว มีแพทย์เป็นจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าวิธีการดังกล่าวไม่อาจเชื่อถือได้ แต่ก็มีคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดให้การสนับสนุน

   

ในเดือนกันยายน 2556 Theranos ก็ประกาศความร่วมมือกับ Walgreens ซึ่งเป็นร้านขายยาใหญ่เป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกามีสาขามากกว่า 9,000 ร้านเพื่อขายเครื่องตรวจเลือดของเธอ และยิ่งดังขึ้นไปใหญ่เมื่อเธอได้ขึ้นปกนิตยสารธุรกิจชั้นนำเช่น Fortune, Forbes, และ Inc. โดยนิตยสาร Forbes ได้ขนานนามให้เธอว่าเป็น “youngest self-made female billionaire”

ในปี 2558 John Carreyrou นักข่าวของหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ได้ทำการขุดคุ้ยเรื่องของ Holmes และบริษัท Theranos ในปี 2559 Theranos ก็ถูก Centers for Medicare and Medicaid Services เข้าตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างในโรงงานของ Theranos ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และถูกสั่งปิดโรงงานไปในที่สุด

162805542731
Elizabeth Holmes

จากนั้น Theranos ก็ถูกฟ้องร้องทั้งจากมลรัฐและนักลงทุนในข้อหาต่าง ๆ กันมากมาย

Securities and Exchange Commission (SEC) หรือ ก.ล.ต. ของสหรัฐก็ได้ฟ้องร้อง Holmes ในข้อหาบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จจนได้เงินไปจากนักลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์

จนในที่สุดเมื่อเดือนมีนาคม 2561 Securities and Exchange Commission (SEC) หรือ ก.ล.ต. ของสหรัฐก็ได้ฟ้องร้อง Holmes ในข้อหาบอกกล่าวข้อความอันเป็นเท็จจนได้เงินไปจากนักลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์ และในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันเธอก็ถูกอัยการดำเนินคดีอาญาอีกหลายข้อหาเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งการพิจารณาคดีอาญา ศาลได้กำหนดเป็นเดือนกันยายน 2564 นี้ เหตุที่คดีล่าช้ามากเพราะติดปัญหาโรคระบาดโควิด-19 กับการที่เธอตั้งท้องขึ้นมาระหว่างการดำเนินคดี

ส่วนของประเทศไทย กรณีผู้บริหารของบริษัทโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ ได้ให้ข่าวเกี่ยวกับวัคซีนทางเลือกและปัญหาในการนำเข้ามา ทำให้มีการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของโรงพยาบาลนั้น

ถ้าดูจาก มาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ. ศ. 2535 ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ห้ามมิให้บุคคลใดบอกกล่าว เผยแพร่ หรือให้คำรับรองข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความอันอาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวกับบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ โดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์”

โปรดสังเกตว่า ความผิดตามมาตรานี้ ผู้ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวไม่จำเป็นต้องเชื่อแล้วจึงไปซื้อหุ้นดังกล่าว การบอกกล่าวนั้นอาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อเลย หรือไปทำการซื้อขายหุ้นเลยเช่น เพียงแค่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ออกไปก็เป็นความผิดแล้ว

เคยมีกรณีที่ ก.ล.ต. ลงโทษปรับผู้บริหารฐานบอกกล่าวข้อความเกี่ยวกับราคาหุ้นมาแล้วเมื่อต้นปีนี้เองคือ ผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในลักษณะว่าบริษัทเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์กัญชงเจ้าแรกเจ้าเดียว และเช่าเวลาสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในการดำเนินธุรกิจแบบ 24 ชั่วโมง โดยสื่อความในทำนองว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะดีขึ้นอย่างมาก หรือราคาหุ้นของบริษัทจะปรับตัวสูงขึ้นมาก รวมทั้งมีข้อความในลักษณะชักชวนให้รีบซื้อหุ้นของบริษัทซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่าข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนและผู้ลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับผลการดำเนินงาน ราคาซื้อขายหลักทรัพย์ หรือข้อมูลอื่นใดของบริษัทที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อราคา หรือต่อการตัดสินใจลงทุนในบริษัทจึงลงโทษปรับไป 2 ล้านบาท

กรณีของผู้บริหารของบริษัทโรงพยาบาลเกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีน ก.ล.ต. แจ้งว่าในกรณีที่ให้ข่าวที่มีผลต่อราคาหุ้น หรือการซื้อขายที่ผิดปกติ ก.ล.ต.แบ่งหน้าที่กับตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นด่านหน้าที่ติดตามภาวะการซื้อขาย และหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายจะประสานงานกับ ก.ล.ต. เพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

Jacob Frenkel อดีตที่ปรึกษากฎหมายอาวุโสจากฝ่ายบังคับใช้กฎหมาย ของ SEC บอกว่า บริษัทจดทะเบียนแห่งใดที่พูดถึงไวรัสโคโรนาและคำว่า “ทางแก้” (solution) ไว้ในประโยคเดียวกัน แล้วราคาหุ้นก็เพิ่มสูงขึ้น ก็เป็นไปได้ว่า SEC จะเข้าไปตรวจสอบถึงการหากำไรจากหุ้นของคนวงในและการสร้างราคาหลักทรัพย์ Jacob Frenkel ได้บอกเป็นสูตรไว้ว่า "COVID + announcement + trading + price spike = SEC investigation."

   

ดูบทความทั้งหมดของ Tech, Law and Security