'เมย์แบงก์ กิมเอ็ง' กำไรสุทธิครึ่งปีแรกปี 64 พุ่ง 85.38%

'เมย์แบงก์ กิมเอ็ง' กำไรสุทธิครึ่งปีแรกปี 64 พุ่ง 85.38%

"เมย์แบงก์ กิมเอ็ง" ครึ่งปีแรกปี 64มีกำไรสุทธิ 448.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 85.38 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มี เชื่อตลาดการลงทุนยังคงโตต่อ เตรียมลุยผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างและแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่

นายอารภัฏ สังขรัตน์  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 448.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 85.38 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 241.69 ล้านบาท และสำหรับผลประกอบการในงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 171.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.07 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 107.02 ล้านบาท 

 บริษัทจึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สำหรับครึ่งปีแรก 2564  ดังนี้

รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 289.63 ล้านบาท จาก 1,049.51 ล้านบาท เป็น 1,339.14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.60 เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 316.35 ล้านบาท จาก 947.19 ล้านบาท เป็น 1,263.54  ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.40 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้นจาก 68,616.75 ล้านบาท/วัน เป็น 98,327.80 ล้านบาท/วัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.30 และ สัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 42.92 เป็นร้อยละ 48.12 อันเป็นผลให้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 29,447.68 ล้านบาท/วัน เป็น 47,317.71 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 60.68 รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 26.72 ล้านบาท จาก 102.32 ล้านบาท เป็น 75.60 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 26.11

 

ด้านรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 45.10 ล้านบาท จาก 18.91 ล้านบาท เป็น 64.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 238.50 เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 11.91 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 9.39 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 23.80 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 27.61 ล้านบาท จาก 373.89 ล้านบาท เป็น 401.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.38 เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 39.88 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 22.23 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2.68 ล้านบาท ในขณะที่ รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 37.18 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564  ถือว่าน่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19   แต่ความเชื่อมั่นของตลาดและกิจกรรมการลงทุนยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นของลูกค้า  เราจึงได้ขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกและกองทุนระดับโลก และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างและแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนให้แก่ลูกค้าต่อไป”  นายอารภัฏ กล่าวเพิ่มเติม