‘สหรัฐ’ ยันส่งวัคซีนให้ไทยแล้ว 1,503,450 โดสถ้วน หลังยอดไม่ตรงรัฐบาลแถลง

ในวันนี้ ( 2 ส.ค.) เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ ได้สอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับจำนวนวัคซีนไฟเซอร์ ที่ชัดเจน ตามที่สหรัฐได้บริจาคช่วยเหลือประเทศไทย และจัดส่งมาถึงเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 โดยนายทอมัส มอนท์โกโมรี รองโฆษกสถานทูตสหรัฐ กล่าวยืนยันว่า สหรัฐได้บริจาควัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์จำนวน 1,503,450 โดสให้กับประเทศไทย โดยวัคซีนจำนวนดังกล่าวมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเวลา 04.00 ของวันศุกร์ที่ผ่านมา และหลังจากนั้น ก็เข้าสู่กระบวนการส่งมอบให้กับรัฐบาลไทย เพื่อนำไปจัดสรรต่อไป

"ดังที่เราได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาได้บริจาควัคซีนไฟเซอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวน 1.5 ล้านโดสให้กับประเทศไทย โดยจำนวนที่ส่งมาจริงคือ 1,503,450 โดส เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบมาตรฐานของการบรรจุขวดยา ถาด และกล่องสำหรับวัคซีน" รองโฆษกสถานทูตสหรัฐ ระบุ และกล่าวเราภูมิใจที่ได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อนชาวไทยของเราในการต่อสู้กับโรคนี้ และยินดีที่ได้ทราบว่า รัฐบาลไทยวางแผนที่จะกระจายวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเหล่านี้ไปยังกลุ่มคนที่มีความจำเป็นมากที่สุด รวมทั้งจะจัดสรรบางส่วนให้กับพลเมืองอเมริกัน 

สหรัฐจะบริจาควัคซีนให้กับไทยรวมทั้งหมด 2.5 ล้านโดส โดยจะบริจาคเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดสนอกไปจากจำนวนที่มาถึงแล้ว

การดำเนินการดังกล่าว สะท้อนคำมั่นของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่มอบวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้กับประเทศต่าง ๆ ที่ขาดแคลน รวมถึงประเทศไทยได้รับปลอดภัย โดยขอย้ำว่า การบริจาควัคซีนเหล่านี้เป็นความช่วยเหลือนอกเหนือไปจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ ให้ผ่านทางโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้แก่นานาประเทศอย่างเท่าเทียม 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางฝั่งรัฐบาล ระบุว่าได้รับจำนวน 1,540,000 โดส ซึ่งเห็นถึงจำนวนที่แตกต่างจากที่สถานทูตสหรัฐ ได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ รวมถึงระบุยืนยันในวันนี้ 

คณะกรรมการบริหารศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐบริจาค ซึ่งพบตัวเลขไม่ตรงกับที่รัฐบาลแถลงไปก่อนหน้านี้จำนวนหนึ่ง โดยระบุว่า “เอกสารจะปรับเปลี่ยนตามจำนวนที่ได้รับส่งมอบ” ขณะนี้ ศบค.มีแผนการบริหารจัดการวัคซีนไฟเซอร์ ที่สหรัฐบริจาคมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 1,503,450 โดส  ซึ่งมีหลักเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย อ้างอิง มติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนโควิด-19 วันที่ 24 และ 30 ก.ค. 2564 ดังนี้

1. บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับภารกิจดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ (เข็ม 3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน) จำนวน 700,000 โดส จำนวน 700,000 ราย โดยต้องมีชื่อปรากฎในฐานข้อมูลระบบกระทรวงสาธารณสุข ว่า ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้ว อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และยังไม่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เป็นเข้มกระตุ้น

2. ผู้มีภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีสัญชาติไทย ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค อายุ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์อายุ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส จำนวน 322,500 ราย ในพื้นที่ 13 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

3. ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป และผู้เดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียนไทย และทูต จำนวน 150,000 โดส จำนวน 75,000 ราย โดยกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นหน่วยงานประสานหลัก

4. ทำการศึกษาวิจัย (ได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม) จำนวน 5,000 โดส จำนวน 2,500 ราย โดยกรมควบคุมโรคเป็นผู้พิจารณา ที่คำนึงถึงประโยชน์ในด้านการควบคุมโรคของประเทศเป็นสำคัญ

5. สำรองส่วนกลางสำหรับตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เบตา จำนวน 3,450 โดส จำนวน 1,725 ราย ในพื้นที่ระบาด

เมื่อเปรียบเทียบตารางแผนการจัดสรรวัคซีนในวันนี้ จำนวน 1,503,450 โดส กับแผนจัดสรรวัคซีนที่รัฐบาลไทย แถลงเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ระบุได้รับจำนวนจากสหรัฐ 1,540,000 โดส ส่วนรายละเอียดในการจัดสรร พบว่า มีความแตกต่างกันอยู่ 3,450 โดส ซึ่งรายละเอียดที่ไม่เหมือนกันอยู่ที่ข้อที่ 5

อย่างไรก็ตาม ศบค. กล่าวย้ำว่า จำนวนวัคซีนที่จัดสรรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ