ขยายเวลาล็อคดาวน์ 14 วัน แต่ยังคงระวังมีโอกาสยาวถึง 2 เดือน

ขยายเวลาล็อคดาวน์ 14 วัน แต่ยังคงระวังมีโอกาสยาวถึง 2 เดือน

ศบค.ขยายเวลาและพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด

อีก 14 วัน (ตั้งแต่ 3 ส.ค.และอาจถึงสิ้น ส.ค.) ขณะที่ขยายพื้นที่ควบคุมเข้มงวดสูงสุด (สีแดง) ขึ้นเป็น 29 จังหวัด (จากเดิม 13 จังหวัด) ขณะที่มาตรการควบคุมส่วนใหญ่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก ยกเว้นมีการผ่อนคลายให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดดำเนินการได้ เพื่อให้บริการแบบจัดส่งเท่านั้น ภาพรวมประกาศสอดคล้องกับที่เราประเมินรัฐจะขยายเวลาล็อคดาวน์ ซึ่งน่าจะ 1-2 เดือน (หรือน่าจะมีการต่อมาตรการล็อคดาวน์ทุก 14 วันออกไปเรื่อยๆ) เนื่องจาก 1) อ้างอิงผลการศึกษาจากกองระบาดวิทยาที่เสนอการล็อคดาวน์ 1-2 เดือน ควบคู่กับการฉีดวัคซีน 2) ข้อจำกัดของวัคซีนที่มีคุณภาพสูง (ภูเก็ต sandbox แสดงให้เห็นถึงปัญหาของวัคซีนที่ไม่สามารถหยุดการระบาดได้) 3) ความต้องการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ ที่เพิ่มจนใกล้ถึงระดับการผลิตที่เป็นข้อจำกัดขององค์การเภสัชในช่วงสัปดาห์นี้ถึงสัปดาห์หน้า จะทำให้รัฐต้องคงมาตรการล็อคดาวน์ เพื่อกดการเพิ่มของผู้ป่วย และชะลอการเสียชีวิตที่มีโอกาสจะเร่งตัวขึ้น

เพิ่มความระวังหุ้นการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สถานการณ์ระบาดที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นทำให้ต้องระวังว่านอกจากจะกระทบกับการบริโภคเนื่องจากมาตรการล็อคดาวน์แล้ว การระบาดอาจจะกระทบต่อการขนส่งและโลจิสติกส์ ขณะที่ภาคการผลิต อาจจำเป็นต้องปิดโรงงานหรือส่วนของการผลิตหากพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการไตรมาส 3/64 อย่างมีนัยสำคัญได้ แม้เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ แต่ด้วยความเสี่ยงที่เกิดจากสถานการณ์โควิดและ Valuation ที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายปี ทำให้เราแนะนำนักลงทุนหาจังหวะแบ่งทำกำไรหรือเพิ่มความระวังในการลงทุน

ธีมการลงทุนระยะสั้น กลุ่มสื่อสารและ REITs ยังเป็นแหล่งพักเงินที่ดี ในช่วงที่ตลาดกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงการปรับประมาณการผลประกอบการที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เรามองทยอยสะสม ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART / เก็งกำไรแบบกำหนดจุดตัดขาดทุน JAS, ALT / ทยอยสะสมสาธารณูปโภค RATCH, EASTW, WHAUP, TTW / กลุ่มอาหารและเกษตร TVO, TU, CPF, GFPT, TWPC / เก็งกำไร กลุ่มเดินเรือ PSL, TTA, RCL / เก็งกำไรกลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ SMD, TM, WINMED, BIZ / เก็งกำไรกลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP, BGC

ภาพรวมกลยุทธ์: อาจฟื้นตัวระยะสั้นไม่เกิน 1,535 แต่ยังผันผวนทางลงและเคลื่อนไหวด้อยกว่าตลาดโลกจากความเสี่ยงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ใช้จังหวะดีดตัวในการขายเพิ่มการถือเงินสด และยังเน้นเพียง เลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอจุดซื้อที่ดี  // หุ้นแนะนำ: KEX*, TTA*, SMD*, FTREIT*

แนวรับ: 1,510-1,520/ แนวต้าน : 1,535 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

แบงก์ชาติเผยศก.ไทยรับผลกระทบโควิดระลอกสาม แต่ได้ส่งออกช่วยพยุง. ธปท.การลงทุนภาคเอกชนและการผลิตภาคอุตสาหกรรม

นายกฯยันภูเก็นแซนด์บอกซ์เดินหน้าต่อแม้ยกระดับมาตรการเข้มขึ้น. ภายใต้การยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ควบคุมการเดินทาง และเคลื่อนย้ายแรงงานในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

ANANศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ Ashton Asoke เนื่องจากข้อจำกัดของที่ดินการเว้นระยะพื้นที่โดยรอบไม่ถึง 12 เมตร หากไม่นับทางเข้าออกด้านถนนอโศกมนตรี ซึ่งเป็นพื้นที่เช่าจากการรถไฟฟ้ามหานคร (MRTA) ที่เวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน คำตัดสินดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดและคาดบริษัทจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งกระทบวนการทางกฎหมายคาดใช้เวลา อย่างก็ตามผลการตัดสินดังกล่าวคาดกระทบและลดทอนความน่าเชื่อถือของบริษัทในการพัฒนาโครงการใหม่ และลูกค้าอาจชะลอการโอนในโครงการอื่น ซึ่งจะกระทบต่อสถานะการเงินในระยะสั้นได้ ทั้งนี้บริษัทมีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระใน 1 ปี 9,925 ล้านบาท ซึ่งเป็นหุ้นกู้ 8,451 ล้านบาท ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจทำให้บริษัทประสบปัญหาในการขายหุ้นกู้เพื่อรีไฟแนนซ์ หรือต้องเผชิญต้นทุนการกู้บืมที่สูงขึ้น

AAV - ประกาศหยุดประกอบกิจการในช่วง ส.ค. เพื่อให้เข้าเงื่อนไขขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ รวมถึงให้พนักงานสิทธิ์ของรับชดเชย 50% ของเงินเดือน (7,500 บาท) จากทางประกันสังคม ขณะที่บริษัทประกาศเลื่อนการจ่ายเงินเดือนของพนักงานทุกระดับ (ทั้งหมดหรือบางส่วน) ไปยัง ก.ย.64

BCHขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทย่อยในลาว สัดส่วน 9.91% มูลค่า 190 ล้านบาท ให้แก่ RATCH-Lao Sercives  ส่งผลให้หลังการเพิ่มทุน BCH จะมีสัดส่วนถือหุ้นเป็น 68.47% และผู้ถือหุ้นอื่น 21.62% เรามองเป็นบวกเนื่องจากดีลดังกล่าวลดภาระการเพิ่มทุนของ BCH เพื่อขยายธุรกิจในลาว

ประเด็นติดตาม: -  2 ส.ค. – US Manufacturing PMI เดือน ก.ค., 4 ส.ค. ประชุม กนง.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)