'บิ๊กป้อม' ถก 'ความมั่นคง' คุมเข้มความปลอดภัยทุกมิติรับประชุมเอเปค

'บิ๊กป้อม' ถก 'ความมั่นคง' คุมเข้มความปลอดภัยทุกมิติรับประชุมเอเปค

พล.อ.ประวิตร  ประชุม ฝ่ายความมั่นคง  เตรียมแผนรองรับ ไทยเจ้าภาพจัดประชุม ผู้นำ เอเปคคุมเข้มความปลอดภัยทุกมิติ  สร้างความเชื่อมั่น  ย้ำแผนละเอียด รอบคอบ  เน้นการข่าวเชิงรุก ภายใต้มาตรการโควิด-19

2 ส.ค.64  พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมจัดการประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค(APEC)  ผ่านระบบ Video Conference

สืบเนื่องจาก คำสั่งนายกรัฐมนตรี โดยคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุม ที่ 3/2564 ลง 1 ก.พ.64 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านรักษาความปลอดภัยและจราจร โดยมอบให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. เป็นประธานฯ ,รมช.กห. เป็นรองประธานฯ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เป็นคณะอนุกรรมการ เพื่อเตรียมการเป็นเจ้าภาพ เอเปคของไทย ในปี2565 ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)ได้ชี้แจงกำหนดการ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ซึ่งประเทศไทยในฐานะประธาน จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ในห้วง พ.ย.2565 โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APEC) ซึ่งมีประเทศสมาชิก ทั้งหมด 21 เขตเศรษฐกิจ 

พล.อ.ประวิตร ได้ประชุมสั่งการมอบนโยบาย/ภารกิจ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงาน ที่สำคัญ 3 ด้านได้แก่ 1) การอำนวยความสะดวกและพิธีการเข้าออกประเทศ 2) การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ผู้เข้าร่วมประชุม สถานที่ และพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง และ 3) การอำนวยความสะดวกและการจัดการจราจร พร้อมให้จัดทำแผนปฏิบัติการ รองรับภารกิจดังกล่าวคือ 1.แผนรักษาความปลอดภัย แผนการอำนวยความสะดวกการจราจร และแผนเผชิญเหตุ โดยมอบให้ สตช.รับผิดชอบ และ2.แผนการส่งกลับสายการแพทย์ มอบให้ สธ.รับผิดชอบ  และยังได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนการ รักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกการจราจร และพิธีการคนเข้าเมือง เพื่อให้การประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามเจตนารมณ์ของ นรม.ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ สตช.,เหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรับผิดชอบจัดทำแผนการปฏิบัติงาน ต้องให้มีความละเอียด รอบคอบ มีการวางแผนด้านการข่าวเชิงรุก และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง พร้อมทั้งคัดสรรบุคลากรที่มีความเหมาะสม กับภารกิจสำคัญ รวมถึงมีการซักซ้อมตามแผนเผชิญเหตุทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และมีความปลอดภัย ทั้งจากเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิด และสถานการณ์ โควิด-19 ด้วย