ส่งออก มิ.ย. พุ่ง 43% โตสูงสุดรอบ 11 ปี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ระบุ การส่งออกของไทยเดือนมิถุนายน 2564 มีอัตราขยายตัวที่ 43.82% เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุด ในรอบ 11 ปี มูลค่า 23,699 ล้านดอลลาร์ การนำเข้า มีมูลค่า 22,754 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 53.75% ดุลการค้าเกินดุล 945 ล้านดอลลาร์

ส่วนภาพรวมการส่งออกครึ่งปีแรกของปี 2564 มูลค่า 132,334 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15.53% การนำเข้า มีมูลค่า 129,895 ล้านดอลลาร์ขยายตัว 26.15% ดุลการค้าครึ่งปีแรก เกินดุล 2,439 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ การส่งออกไทยที่ขยายตัวดังกล่าว เป็นผลจากการดำเนินการตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคผลิตทั่วโลก การส่งออกขยายตัวสูงในทุกตลาดสำคัญ สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง ตามการ กลับมาเปิดประเทศของประเทศคู่ค้า เนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับสินค้าส่งออก ขยายตัวในหลายกลุ่มสินค้า ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ขยายตัวเกือบทุกหมวดสินค้า สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของภาคการผลิต สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ

ด้านตลาดส่งออก ขยายตัวเกือบทุกตลาดสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากมองเฉพาะการเติบโตในอาเซียน ตลาดอาเชียน ขยายตัวในระดับสูงโดยเฉพาะอินโดนีเซีย และฟิลิปปีนส์ ที่พื้นตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่ ตลาดCLMV มีศักยภาพการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะตลาดเมียนมาที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ อาทิ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา และรัสเชียและ CIS มีอัตราการขยายตัวในระดับสูงแทบทั้งสิ้น

สำหรัยแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2564 มีแนวโน้มของการขยายตัวที่ดี สะท้อนจาก การขยายตัวของการส่งออก สินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 6 แสดงให้เห็นถึงการกลับมาฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ราคาพลังงานปรับสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เป็นปัจจัยบวกต่อการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน และ การกระจายวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในแต่ละประเทศ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อของประเทศคู่ค้าของไทยในปีนี้