KBANK - ซื้อ (22 ก.ค.64)

KBANK - ซื้อ (22 ก.ค.64)

ความกังวลยังครอบงำ

KBANK รายงานกำไรเติบโตแข็งแกร่ง yoy แต่หลักๆเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ขณะที่โมเมนตัมอ่อนแอลง qoq เป็นผลจากการตั้งสำรองสูงขึ้นเมื่อเทียบไตรมาสก่อนท่ามกลางการระบาดของ Covid-19 รอบใหม่ เราปรับคาดการณ์กำไรลงแต่คงคำแนะนำ ซื้อ KBANK ที่ราคาเป้าหมาย 161บาท

 

ดีกว่าคาดจากการประหยัดต้นทุน

KBANK รายงานกำไร 1Q21 ที่ 8.9พันลบ. ลดลง 16% qoq แต่เพิ่มขึ้น 309% yoy กำไรลดลง qoq จากการตังสำรองที่สูงขึ้นหลังการระบาดรอบใหม่ของ Covid-19 และมาตรการควบคุม แต่เติบโตแข็งแกร่ง yoy จากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ผลประกอบการสูงกว่าที่เราคาด 7% แต่ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของตลาด ประเด็นที่ดีกว่าคาดการณ์ของมาจากการควบคุมค่าใช้จ่าย สัดส่วนC/I อยู่ในระดับต่ำที่ 41.8% ใน 2Q21 เทียบกับคาดการณ์ของเรา 45% ด้านการเติบโตของสินเชื่อค่อนข้างแข็งแกร่งที่ 3.5% qoq ใน 2Q21 และ 6.2% ytd ขณะที่สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.93% ใน 1Q21 เป็น 3.95% ใน 2Q21

 

ลูกค้าเริ่มขอกลับเข้ามาตรการบรรเทาผลกระทบ

ฝ่ายบริหารเปิดเผยว่าลูกค้ามีแนวโน้มกลับเข้าสู่มาตรการบรรเทาผลกระทบโดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัย หลังธปท.กลับมาใช้มาตรการพักชำระหนี้เพื่อบรรเทาผลกระทบเพิ่มขึ้นใน 2Q21 โดย KBANK รายงานสินเชื่อในมาตรการเพิ่มเป็น 3.38แสนลบ. จาก 3.19แสนลบ.ใน 1Q21 หรือ 14% ของพอร์ต เราเชื่อว่าประเด็นนี้จะทำให้การตั้งสำรองสูงใน 2H21 แม้ KBANK จะคงเป้าหมายทางการเงินทั้งหมด แต่ Credit cost ใน 1H21 แตะ 168bps แล้วเทียบกับเป้าหมาย FY21 ที่ <160bps สะท้อนความเสี่ยงของกำไรจากการตั้งสำรองหนี้เสียโดยเฉพาะในช่วงความไม่แน่นอนของการระบาดของ Covid-19

 

ปรับคาดการณ์กำไรลงจากต้นทุนความเสี่ยงสินเชื่อสูงขึ้น

จากสถานการณ์การระบาดที่ยืดเยื้อและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันที่สูงและยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจึงปรับสมมติฐานต้นทุนความเสี่ยงสินเชื่อขึ้น 15, 20 และ 25bps เป็น 175, 160 และ 150bps ในช่วงปี 2021-23 ตามลำดับ ทำให้คาดการณ์กำไรของเราลดลง 7-10% เราคงคำแนะนำ ซื้อ KBANK พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ 161บาท ปรับราคาเป้าหมายเป็นกลางปี 2022 อ้างอิง ROE 7% และ PBV 0.7x อย่างไรก็ตามมองราคาหุ้นในระยะสั้นอาจถูกกดดันจากการปรับคาดการณ์กำไรลงในตลาดและความกังวลต่อคุณภาพสินทรัพย์