หุ้น SCB เด้งรับงบไตรมาส2/64โตเด่น หนุนดัชนีปิดช่วงเช้า

หุ้น SCB เด้งรับงบไตรมาส2/64โตเด่น หนุนดัชนีปิดช่วงเช้า

หุ้นไทยวันนี้ (22 ก.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า เพิ่มขึ้น 8.76 จุด อยู่ที่ระดับ 1,549.64 จุด มูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 41,522 ล้านบาท หุ้น SCB วอลุ่มนำโด่ง 3,719.31 ล้านบาท ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 4.11% ปิดเช้าที่ราคา 95บาท เด้งรับงบกำไรไตรมาส2 ปี2564 โตโดดเด่น

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (22 ก.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,549.64 จุด ปรับขึ้น เพิ่มขึ้น 8.76 จุด หรือคิดเป็น 0.57% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 41,522 ล้านบาท อยู่ในกรอบ 1,546.26-1,554.65 จุด

โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ SCB KBANK และ KCE

โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เพิ่มขึ้น 4.11%   หรือ 3.75 บาท มาอยู่ที่ราคา 95บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,719.31 ล้านบาท หลังประกาศงบกำไรไตรมาส2 ปี2564 โตโดดเด่นที่มุดในกลุ่ม

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี่กรุ๊ป เผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ภาพรวมกลุ่ม Bank 2Q21 ที่ประกาศออกมา (BAY BBL KBANK KKP KTB SCB TISCO TTB) กำไรสุทธิรวมกันอยู่ที่ 5 หมื่นล้าน (+70%YoY +10%QoQ) ใกล้เคียงตลาดคาด โดยการเติบโตเด่น YoY เป็นผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อนตามการสำรองที่เร่งตัวขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวเนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดรอบแรกและมี Full Lockdown ทั่วประเทศ

ส่วน QoQ หากตัด BAY ออกมากำไรรวมจะลดลง QoQ หลักๆเป็นผลจากสำรองที่สูงขึ้นในแต่ละธนาคารพาณิชย์จากการระบาดรอบสามรวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ลดลง สำหรับทิศทาง NPL เทียบ QoQ ของ Bank ใหญ่พบ KBANK เร่งตัวขึ้น ส่วน BBL SCB ทรงตัว ขณะที่เมื่อมองไปข้างหน้าในภาพรวมอุตสาหกรรมยังเผชิญความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่โดนผลกระทบจากการระบาดจึงอาจจะกดดันการเติบโตสินเชื่อรวมถึงการสำรองที่มีโอกาสเร่งตัวขึ้น

อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นที่ค่อนข้างถูกทั้งกลุ่มซื้อขายเพียง 0.59x Trailing PBV จึงยังคงคำแนะนำซื้อทั้ง BBL , KBANK แต่มองว่า BBL มีความน่าสนใจกว่า KBANK เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อมีความปลอดภัยกว่า โดย KBANK มีสัดส่วน SME 1/3 ซึ่งเป็นกลุ่มที่โดนผลกระทบจาก COVID-19 ค่อนข้างหนัก ขณะที่ BBL กว่า 40% ของสินเชื่อเป็นลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ที่ผลกระทบจากการระบาดจำกัดกว่า SME