อ่อนตัว (19 ก.ค.64)

อ่อนตัว (19 ก.ค.64)

เก็งกำไร BCH UPA ACAP

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้:

คาดดัชนีฯ อ่อนตัว แนวรับ 1565 / 1560 จุด แนวต้าน 1580 / 1596 จุด แนะนำ เก็งกำไร BCH UPA ACAP ทางเทคนิค ดัชนีฯ จะเกิดสัญญาณขาย (Sell) หากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1565 จุด

ปัจจัยบวก คือ 1. บจ.สหรัฐฯ และไทย รายงานกำไร 2Q21 ดีกว่าคาดการณ์ ช่วยหนุนการซื้อหุ้นรายตัว 2. การเพิ่มปริมาณวัคซีนต้าน COVID-19 ให้เพียงพอ โดยสธ. เตรียมเสนอห้าม AZ ส่งออกวัคซีนแอสตร้าฯ ถ้าไม่ส่งให้ไทยครบตามจำนวน และเชิญตัวแทนผู้บริษัทขายวัคซีน mRNA เข้าพบด่วนวันนี้ โดยมีแผนจะจัดซื้อวัคซีน Pfizer เพิ่มอีก 50 ล้านโดส จากเดิม 20 ล้านโดส 3. การฉีดวัคซีนสลับชนิดกันจะเริ่มต้นสัปดาห์นี้ คาดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันจำนวนผู้ติดเชื้อในระยะถัดไป

ปัจจัยลบ คือ 1. WHO ออกโรงเตือนสายพันธุ์เดลต้ากำลังระบาดไปทั่วโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่งผลการระบาดระลอกใหม่ในต่างประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น (-สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น) 2. จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศทะลุเกิน 1 หมื่นราย เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้นายกฯ ประกาศเพิ่มมาตรการคุมเข้ม 13 จังหวัด ที่อยู่ในโซนสีแดงเข้ม (เพิ่ม 3 จังหวัด) เป็นแบบ Full Lockdown มีผลสองสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ส่งผล Krungthai Compass ปรับลดเป้าหมายเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็น 0.5-1.3% (Vs เดิม 0.8-1.6%) โดยอุปสงค์ในประเทศและการท่องเที่ยวในประเทศ จะรับผลกระทบรุนแรงกว่าคาด 2.5-4.0 แสนล้านบาท 3. EU ใส่ชื่อประเทศไทย รวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่ความเสี่ยงต่อการเดินทาง

ประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม

         - CDC สหรัฐฯ เผยสายพันธุ์เดลต้า คิดเป็นสัดส่วน 51.7% ของการติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ ในช่วง 2 สัปดาห์ ถึงวันที่ 10 ก.ค. ทำให้ประธานาธิบดีไบเดนออกมากล่าวหา Social Medias ที่ทำให้คนสหรัฐฯ ไม่ยอมฉีดวัคซีน เพราะให้ข้อมูลวัคซีนไม่ตรงความจริง

         - ธปท. ส่งสัญญาณว่าอยู่ระหว่างศึกษาการลดเพดานดอกเบี้ยให้ลูกหนี้รายย่อย (+กลุ่มสถาบันการเงิน เพราะประเมินเบื้องต้นลดเพดานดอกเบี้ยไม่ช่วยลดภาระหนี้)

         - UK เริ่มวันแรกของการผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 อย่างเป็นทางการ

         - กลุ่มธนาคารทยอยประกาศงบสัปดาห์นี้ นำโดย KKP KTB คาดปรับตัวดีขึ้น YoY

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideways Up กรอบจำกัด 1567.17-1575.66 จุด ก่อนปิดตลาดใกล้ระดับสูงสุดของวันที่ 1574.37 จุด +2.36 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.04 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มธุรกิจการเกษตร +4.17% การแพทย์ +1.38% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.28% เงินทุนและหลักทรัพย์ +1.12% หุ้นบวก >4% RCL STGT BCH ICN NER STA AMATA LANNA UPA APURE ACAP JTS MDX OTO GPI SR NDR SPACK หุ้นลบ >4% ASIAN DELTA TPLAS XO TMI THMUI HFT SANKO SALEE

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดร่วง: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลบ DJ -0.86% (-299.17 จุด) Nasdaq -0.80% S&P500 -0.75% เพราะกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่สาม DAX -0.57% CAC40 -0.51% FTSE100 -0.06% เพราะวิตกผลกระทบการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 นำลงโดยกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และผิดหวังรายงานผลกำไรบจ. Ericsson

+/- น้ำมันดิบปิดบวก ส่วนทองปิดลบ: ราคาน้ำมันดิบกลับมาปิดฟื้นตัว WTI +USD0.16 ปิดที่ USD71.81/บาร์เรล Brent +USD0.12 ปิดที่ USD73.59/บาร์เรล จากแรงซื้อรับข่าวรายงานค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. สูงเกินคาด ขณะที่ราคาทองกลับมาปิดลบ -USD14 ปิด USD1,815/ออนซ์ จากข่าวกองทุน SPDR Gold Trust ลดการถือครองทองคำสู่ระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน ที่ 1.034 พันตัน

ประเด็นสำคัญ

- SET: หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายกำกับการซื้อขาย Cash Balance ระดับ 1 CFRESH, CMR, INOX, LEO, MENA, PRINC, SCI, SITHAI ระหว่างวันที่ 19 ก.ค. - 27 ส.ค.

- นายกฯ ประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม: ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศมาตรการฉบับใหม่ อาศัยอำนาจตามพ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ มีผลบังคับใช้ต่อ 13 จังหวัด โซนสีแดงเข้ม ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. (ยกเว้น ระบบขนส่งสาธารณะมีผลในวันที่ 21 ก.ค.) เป็นระยะเวลา 14 วัน (ถึงวันที่ 2 ส.ค. 2021) Krungthai COMPASS คาดกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มเติม จากประมาณการครั้งก่อนที่ราว 2.5-4.0 แสนล้านบาท กดดันให้เศรษฐกิจในปี 2021 ขยายตัวได้เพียง 0.5-1.3% จากประมาณการเดิมที่ 0.8-1.6%

- เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในหลายประเทศของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการใช้มาตรการควบคุมการระบาด โดยปรับลดเศรษฐกิจไทยปี 2021E เป็น 1.4% (เดิม 2.1%) อินโดนีเซีย 3.4% (เดิม 5%) มาเลเซีย 4.9% (เดิม 6.2%) ฟิลิปปินส์ 4.4% (เดิม 5.8%) และสิงคโปร์ 6.8% (เดิม 7.1%)

+ ธปท.: รองผู้ว่าธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน เผยว่าธปท. อยู่ระหว่างการศึกษาข้อดีและข้อเสียของการทบทวนเพดานดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้รายย่อยและการกากับดูแลสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล โดยเฉพาะการสามารถช่วยลดภาระหนี้ได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด เพื่อหาข้อสรุป

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: SYNEX IMH TM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: BCH UPA ACAP

Derivatives: แนะถือ Long S50U21 ที่เปิดไว้ต้นทุน 935 จุด (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)