ค้าปลีก '13 จังหวัดสีแดงเข้ม' ปรับเวลาปิด คุมเข้มรับมาตรการรัฐ

ค้าปลีก '13 จังหวัดสีแดงเข้ม' ปรับเวลาปิด คุมเข้มรับมาตรการรัฐ

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ประกาศมาตรการเปิด-ปิด ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และร้านค้าปลีก ตามประกาศ ศบค. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป

สืบเนื่องจากคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด - 19) ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เรื่อง ขยายพื้นที่สถานการณ์ ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม เป็น 13 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี สงขลา นราธิวาส ปัตตานี และยะลา

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และ นายนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย ร่วมกล่าวว่า ทั้ง 2 สมาคมพร้อมที่จะขานรับมาตรการของศบค. และปฎิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เฉพาะในเขตพื้นที่ 13 จังหวัด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 20 ก.ค.2564 เป็นต้นไป ดังนี้

1. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า เปิดบริการได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา พื้นที่ฉีดวัคซีน หรือบริการทางการแพทย์ของรัฐ จนถึง 20.00 น.

2. ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ท และ แคช แอนด์แครี่ ที่ตั้งนอกศูนย์การค้า เปิดตามปกติ และปิดให้บริการ 20.00 น

3. ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด เปิดบริการได้ 04.00 น. ถึง 20.00 น. ของทุกวัน

4. กิจการนอกศูนย์การค้า ดังต่อไปนี้ ร้านขายยา ร้านค้าทั่วไป โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ไปรษณีย์และพัสดุภัณฑ์ ร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านจำหน่ายเครื่องมือช่างและอุปกรณ์ก่อสร้าง รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง (Delivery Online) ยังคงเปิดดำเนินการได้ตามความจำเป็น ภายใต้มาตรการคุมโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

5. หากมีประกาศของจังหวัดอื่นใด นอกเหนือจากนี้ ให้ปฎิบัติตามประกาศตามจังหวัดนั้นๆ

 

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ในฐานะตัวแทนของสมาชิกภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วประเทศ ขอยืนยันว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกมีความพร้อมที่จะเสริมการบริการด้วยช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้ได้อย่างสะดวกและง่ายดายทุกที่ทุกเวลา โดยในส่วนของซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อที่ยังคงเปิดให้บริการ เรามีการบริหารการจัดการสต็อกสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าจำเป็น ที่ใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อลดความกังวลเรื่อง สินค้ามีไม่เพียงพอ

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมฝ่าฟัน และ เชื่อว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติโควิดครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน