'สุทิน' เผย เพื่อไทยวางเป้าใช้กลไกสภา เปลี่ยนนายกฯ พาประเทศพ้นวิกฤต ชี้รัฐบาลบริหารผิดพลาด ล้มเหลวซ้ำซาก ทำประชาชนยากลำบาก ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง
17 ก.ค.2564 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เปิดเผยว่า การที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ถือเป็นตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และตามกลไกของสภาผู้แทนราษฎรเข้มข้นที่สุด
โดยหลังจากการอภิปราย จะต้องให้ ส.ส. ลงมติ ว่าจะไว้วางใจให้รัฐบาลบริหารงานต่อไปหรือไม่ หากเสียงลงมติไม่ไว้วางใจมีมากกว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เป็นการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ โดยใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎร
นายสุทิน กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยได้หารือกันเรื่องนี้มาแล้วระยะหนึ่ง จนได้ข้อสรุปว่าจะต้องอภิปราย เพื่อทำให้สังคมได้ตระหนักรู้และเห็นว่า รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพชุดนี้ ทำงานไม่ได้เรื่อง ล้มเหลว ผิดพลาด ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนสร้างความเสียหายให้ประชาชนและประเทศชาติอย่างรุนแรง จนวันนี้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาล ที่ทำให้ต้องทุกข์ยาก
"เสียงสะท้อนทุกฝ่ายเจ็บปวดไม่แตกต่างกัน ถ้าปล่อยให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อไป ประชาชนก็ต้องลำบากมากขึ้น สถานการณ์ก็มีแต่จะหนักมากขึ้น ดังนั้น ทางรอดน่าจะมีเพียงทางเดียว คือ หาคนใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีความหวังอยู่บ้าง พรรคเพื่อไทยจึงไม่สามารถปล่อยให้รัฐบาลอยู่ต่อไปได้"นายสุทิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม พรรคยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ทำงานการเมืองมาแล้วทั้งในสภาและนอกสภา ที่เป็นการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ทำงานร่วมกับประชาชนมาตลอด วิกฤตครั้งนี้ทุกองคาพยพในพรรคก็ลงช่วยบรรเทาความทุกข์ยากให้พี่น้องประชาชนทุกทางที่จะทำได้ สถานการณ์ขณะนี้ถือว่าหนักมาก พรรคต้องหาหนทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะการใช้กลไกลของสภา ที่พรรคมีบทบาทอยู่ เป็นที่พึ่งหลักของประชาชนให้ได้ และเป็นหนทางการเปลี่ยนแปลงที่ปลอดภัยกับประเทศมากที่สุด
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคมีเป้าหมายที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เพราะประเทศขณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีผู้นำที่มีศักยภาพ และมีความสามารถมาแก้ไขปัญหา แต่เราไม่เกี่ยงว่าจะเป็นใคร ขอให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถจริงๆ และมีที่มาตามครรลองกติตาประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ประชาชนก็จะยอมรับ แต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วพรรคเพื่อไทยได้เข้ามาทำหน้าที่ เราก็พร้อม เพราะเชื่อว่าเราทำได้ดีกว่ารัฐบาลชุดนี้แน่นอน” ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าว
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
นายสุทิน ระบุต่อว่า ไม่ห่วงว่าเสียงของฝ่ายค้านในสภาจะยังน้อยกว่าเสียงของฝ่ายรัฐบาล เพราะเชื่อว่าแม้การนับมือในสภาอาจล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่การเปิดเผยข้อมูลความไม่ดีไม่งามของรัฐบาลที่ซุกไว้ให้ประชาชนและสังคมได้เห็นจะทำให้ประชาชนตระหนัก แม้ยกมือในสภาจะแพ้ แต่นอกสภาจะชนะใจประชาชน แล้วในที่สุดรัฐบาลก็จะไปไม่รอด เป็นการทำให้ความเสื่อมศรัทธาต่อรัฐบาลต่อเนื่องจากในสภามาสู่ประชาชน ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับหลายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นกรณี ส.ป.ก. 4-01 หรือกรณีหนี้เน่าธนาคารกรุงเทพพาณิชยการฯ ซึ่งในที่สุดรัฐบาลก็อยู่ต่อไปไม่ได้
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เชื่อว่ารัฐบาลหวั่นไหวมากที่สุดและเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงแบบไหน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีโดยใช้กลไกสภา”
นายสุทิน กล่าวว่า วันนี้ประเทศเจอปัญหาหนักมากแล้ว ประชาชนประจักษ์แล้วว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ได้ ภัยอันตรายกำลังรออยู่ข้างหน้า ความตายอันเกิดจากเชื้อโรคและความอดอยากเกิดขึ้นอย่างมาก สังคมเรียกร้องทั่วไปให้ #ประยุทธ์ออกไป สถานการณ์อย่างนี้ ไม่แน่อาจเกิดกรณีพรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลตั้งแต่ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้น หรือพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคยกมือโหวตสวนรัฐบาล เพราะบางพรรคก็อาจหาจังหวะตีจากการร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว