TOP - ซื้อ (16 ก.ค.64)

TOP - ซื้อ (16 ก.ค.64)

ประมาณการ 2Q64: ผลประกอบการจากธุรกิจหลักดีขึ้น

Event

ประมาณการ 2Q64

Impact

คาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q64F จะลดลง 15% YoY และ 37% QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TOP ใน 2Q64 จะอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท (-15% YoY, -37% QoQ) โดยกำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.4 พันล้านบาทใน 2Q64 จากที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.0 พันล้านบาทใน 2Q63 หลังจากที่เงินบาทอ่อนค่าลง 0.65 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 2Q64 ในขณะเดียวกันกำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะกำไรจากสต็อกน้ำมันลดลง 19% QoQ เหลือ 3.9 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้น US$8/bbl ในช่วงเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยกว่าใน 1Q64 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 2Q64 จะเพิ่มขึ้น 46% QoQ เนื่องจาก spread ของน้ำมันหล่อลื่นและ aromatics เพิ่มขึ้น โดย spread ของน้ำมันหล่อลื่น 500SN เพิ่มขึ้น 32% QoQ มาอยู่ในระดับสูงมากที่ US$1,037/ton เนื่องจากอุปทานตึงตัวขึ้นเพราะมีการการปิดโรงงานทั้งตามแผนและนอกแผนในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ในขณะที่ spread ของ PX และ BZ เพิ่มขึ้น 6% QoQ เป็น US$206/ton และ 72% QoQ เป็น US$313/ton ตามลำดับ ทั้งนี้เนื่องจาก spread ปิโตรเคมีอยู่ในเกณฑ์ดี บริษัทจึงเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของน้ำมันหล่อลื่นเป็น 95% และอัตราการใช้กำลังการผลิตของ aromatic เป็น 90% ใน 2Q64 แต่เราคาดว่า base GRM ของ TOP จะลดลง QoQ จาก US$0.7/bbl เหลือ US$0.4/bbl เนื่องจากต้นทุน Murban crude premium เพิ่มขึ้น US$0.6/bbl QoQ เป็น
US$1.3/bbl แม้ว่า spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เรายังคาดว่าอัตราการกลั่นจะลดลง 2% QoQ เหลือ 270KBD คิดเป็น 98% ของอัตราการใช้กำลังการผลิต

ราคานํ้ามันดิบลดลงหลังจากที่ UAE ปรับเพิ่ม baseline การผลิตเป็ น 3.65MBD

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซาอุดิอาระเบียและ UAE บรรลุข้อตกลงในประเด็นโควตาการผลิตของ OPEC+ โดย UAE ยอมรับที่จะใช้ baseline การผลิตใหม่ที่ 3.65MBD ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นระดับที่สูงขึ้นจากระดับปัจจุบันที่ 3.168MBD หมายความว่าน่าจะมีกำลังการผลิตของ UAE เพิ่มเข้ามาอีก
ประมาณ 0.48MBD แต่อย่างไรก็ตาม OPEC+ ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมใหม่เพื่อกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันสำหรับช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ตอบรับในเชิงลบกับข่าวนี้ โดยปรับลดลงทันทีประมาณ US$2/bbl เนื่องจากน่าจะทำให้อุปทานน้ำมันดิบจาก OPEC+ สูงขึ้นจาก
สัปดาห์ที่แล้วที่มีการพิจารณาว่าจะเพิ่มอุปทานเพียง 2MBD ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และคงราคาเป้าหมายปี 2565 เอาไว้ที่ 74.00 บาท อิงจาก EV/EBITDA ที่ 7.0x เราเชื่อว่าราคาหุ้นจะได้แรงหนุนจากผลประกอบการจากธุรกิจหลักที่มีแนวโน้มดีขึ้นใน 2Q64 และความหวังว่า spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลจะดีขึ้นตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป ในขณะที่เรา
ยังคงเลือก TOP เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มพลังงานสำหรับการลงทุนใน 2H64 จากการที่เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มตลาดโรงกลั่น

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี รวมถึงบริษัทอาจจะเข้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ในธุรกิจ olefins (จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายใน 4Q64)