‘ไอเน็ตรีท’ หวัง5ปีดันกองทุนแตะหมื่นล้าน รับเทรนด์ 'ดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์เซอร์วิส' ขาขึ้น

‘ไอเน็ตรีท’ หวัง5ปีดันกองทุนแตะหมื่นล้าน รับเทรนด์ 'ดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์เซอร์วิส' ขาขึ้น

“ไอเน็ต” ตั้งกองรีท“ไอเน็ตรีท”ลงทุนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีเฟสแรก 4.3 พันล้าน จ่อเปิดขายเร็วๆนี้ ชูดอกเบี้ยปีแรก 8.96% เข้าเทรดส.ค.นี้ ตั้งเป้า 5 ปีเพิ่มทุนแตะหมื่นล้าน

นางสาวพรวิสาข์ มังกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INET Leasehold Real Estate Investment Trust (INETREIT) เปิดเผยว่า บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อเข้าลงทุนในโครงการINET-IDC3 เฟส 1 จังหวัดสระบุรี  มีมูลค่ารวม 4,300 ล้านบาท 

กองทรัสต์ INETREIT เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 330ล้านหน่วย หน่วยละ10บาท และเงินกู้ยืมระยะยาวไม่เกิน1,000 ล้านบาท คาดการณ์ผลตอบแทนคาดหวังที่ 8.96% ในปีแรก เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เร็วๆนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต้นเดือนส.ค.นี้

พร้อมกันนี้ ยังเตรียมแผนงานขยายการลงทุนเพิ่มเติมในกองทรัสต์ INETREIT เพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนเติบโตต่อเนื่อง วางเป้าหมายภายใน 5 ปีข้างหน้า (ปี64-68)  คาดผลักดันมูลค่ากองแตะระดับ 10,000 ล้านบาท  

 "ด้วยจุดเด่นกองทรัสต์ INETREITนับเป็นกองทรัสต์กองแรกในไทยที่เข้าลงทุนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีในไทยเพื่อรองรับโลกอนาคต ด้วยกองมีรายได้ค่าเช่ามั่นคงและสม่ำเสมอ ปรับขึ้นปีละ 2%  "

   

นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET เปิดเผยว่า การจัดตั้งกองทรัสต์  INETREIT ครั้งนี้เป็นอีกช่องทางการระดมทุนเพื่อสร้างการเติบโตธุรกิจในอนาคต  โดยเฉพาะขยายธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และคลาด์วเซอร์วิส ซึ่งตลาดเป็นขาขึ้นจากโควิด-19เป็นตัวเร่งให้องค์กรหันมาใช้ข้อมูลดิจิทัลแทนเอกสาร ทำให้บริษัทยังเติบโตก้าวกระโดดหรือมากกว่าตลาดในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันตลาดเติบโตเฉลี่ย20%ต่อปี  

   

ทั้งนี้ รายได้หลักของ INET สัดส่วน 70-80% มาจากธุรกิจคลาวด์เซอร์วิส และโครงการINET-IDC3 เฟส1 ยังมีแนวโน้มเติบโต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ย100 กว่าล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ในปี 2562-2563 เติบโตก้าวกระโดด โดยปี 2561 อยู่ที่462.12 ล้านบาทปี2562อยู่ที่865.44 ล้านบาท และปี 2563 อยู่ที่1,123.20 ล้านบาท