ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ขับแล้ว ติดใจ

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ขับแล้ว ติดใจ

เป็นรถเล้กอีกคันที่ขับขี่สนุก สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี (City e:HEV) รถไฮบริดที่ มีสมรรถนะที่ดี และประหยัดน้ำมัน แลกกับค่าตัว 8.49 แสนบาท

ฮอนด้า ซิตี้ เจเนอเรชั่น 5 เปิดตัวปลายปี 2562 ซึ่งสร้างความฮือฮาไม่น้อย ทั้งการเข้าสู่ตลาด อีโค คาร์ ครั้งแรก หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ซิตี้ อยู่ในตลาด ซับ คอมแพคท์ มาโดยตลอด และการมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่แรงจัดอย่าง 1.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ให้กำลังถึง 122 แรงม้า 

ผ่านมา 1 ปี ปลายปีที่แล้ว ฮอนด้า ขยับตัวอีกครั้งในตลาดนี้ ด้วยการเปิดตัว ซิตี้ ในรูปแบบแฮทช์แบ็ก เสริมทางเลือกให้ลูกค้า เท่านั้นไม่พอ ยังมีเวอร์ชั่น ไฮบริด ในตัวถังซีดาน เปิดตัวร่วมด้วย เรียกว่า “ซิตี้ อี:เอชอีวี” (City e:HEV) 

ช่วงนั้นก็มีคนที่ถามว่า ในเมื่อมีแฮทช์แบ็กแล้ว มีไฮบริดแล้ว ทำไม่ไม่เปิดตัว แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ด้วย ซึ่งฮอนด้าก็ไม่ได้ตอบรับ และไม่ได้ปฏิเสธ จนกระทั่งผ่านมาอีกประมาณครึ่งปี ตลาดจึงได้เห็น “ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 8.49 แสนบาท แพงกว่า รุ่นซีดาน ไฮบริด  1 หมื่นบาท และถือว่าเป็นรุ่นท็อปสุดของ ซิตี้ ในขณะนี้

ส่วนที่ว่าทำไมปลายปีที่แล้วหลายคนถึงถามถึงเวอร์ชั่นนี้ เพราะว่าครั้งที่ ฮอนด้า เปิดตัว ซิตี้ อี:เอชอีวี หลายคนได้รับรู้ถึงสมรรถนะ รวมถึงความประหยัดที่ได้มา ขณะเดียวกันก็ชอบใจเวอร์ชันตัวถังแฮทช์แบค เพราะดูสปอร์ต และขับขี่ได้สนุก ดังนั้นถ้ามารวมกัน น่าจะเป็นรถที่น่าสนใจ 

แล้วมันน่าสนใจไหม มาดูไปพร้อมๆ กันครับ 

162606611046

ชุดไฮบริด ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่ต่างกันกับ รุ่นตัวถัง ซีดาน

เครื่องยนต์เบนซิน

  • ความจุ.................1,498 ซีซี
  • กำลังสูงสุด........... 98 แรงม้า/5,600-6,400 รอบต่อนาที
  • แรงบิดสูงสุด......... 127 นิวตันเมตร/4,500-5,000 รอบ/นาที

มอเตอร์ไฟฟ้า

  • กำลังสูงสุด ...........109 แรงม้า/ 3,500-8,000 รอบต่อนาที
  • แรงบิดสูงสุด...........253 นิวตันเมตร/0-3,000 รอบต่อนาที

162606611841

ทั้งนี้ระบบไฮบริดของฮอนด้ามีมอเตอร์ 2 ตัว ตัวหนึ่งทำหน้าที่ขับเคลื่อน อีกตัวทำหน้าที่ในการสร้างพลังงานไฟฟ้า หรือจะเรียกว่าเป็นเจเนอเรเตอร์ก็ได้

แม้ระบบไฮบริด จะเหมือนกับในรุ่น ซีดาน แต่ว่าเมื่อจับคู่กับ แฮทช์แบ็ก ผมว่าลงตัวทีเดียว ดูขับขี่ลื่นไหลกว่าตัวถังซีดาน และนิ่งกว่า แฮทช์แบ็ก เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากน้ำหนักที่ต่างกันและการบาลานซ์น้ำหนักของรถ แม้ว่าน้ำหนักจะต่างกันไม่มากนัก

แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี หนัก 1,231 กก. ขณะที่ แฮทช์แบ็ก 1.0 รุ่น ท็อปสุด อาร์เอส หนัก 1,179 กก. ส่วน อี:เอชอีวี ตัวถังซีดาน หนัก 1,227 กก.

จริงๆ แล้วผมชอบอารมณ์ซุกซนของ แฮทช์แบ็ก 1.0 นะ ขับแล้วดูมีชีวิตชีวา ปราดเปรียว ดื้อบ้างบางอารมณ์ ด้วยการที่ล้อหลังสไลด์ออกเล็กน้อย เมื่อใช้ความเร็วในโค้ง หรือเรียกว่าอาการโอเวอร์สเตียร์เล็กๆ แต่ก็ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ดึงรถกลับมาอยู่ในร่องในรอยได้ และยิ่งผ่านหลายๆ โค้ง จนชินกับอาการของรถ มันจึงเป็นความสนุกตามมา 

แต่เมื่อเป็นเวอร์ชั่น ไฮบริด รถมีความนิ่งมากขึ้น มีบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็ทำให้ขับได้สบายเช่นกัน 

การขับขี่โดยรวม รถมีความนิ่ง แม้ใช้ความเร็วพอควร และขับอยู่บนเส้นทางที่หลายคนก็ไม่ชอบนักคือ ทางด่วนบูรพาวิถี เนื่องจากหลายช่วงมีลมแรง ที่ตีเอารถเซได้ง่ายๆ 

162606612056

ส่วนการตอบสนองของไฮบริด ลื่นไหล ขับได้กระฉับกระเฉง  ออกตัวได้รวดเร็ว มีอัตราเร่งที่ดี เรียกว่าเมื่อใช้งานจริง การเร่งแซงไม่ใช่เรื่องยาก ช่วยให้ขับขี่ได้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น

จุดเด่นอีกอ่างหนึ่งของระบบไฮบริด ก็คือ การถ่ายทอดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ซึ่งมีทั้งช่วงแยกกันทำงาน ช่วงทำงานร่วมกัน การเชื่อมต่อของการส่งกำลังมีความนุ่มนวล ลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็นช่วงการขับช้า ขับเร็วๆ หรือ เปลี่ยนความเร็วแบบทันท่วงที เช่น กดคันเร่งแรงๆ ก็ตาม 

ส่วนเสียงรบกวนสำหรับรถในตลาดนี้ ถือว่าน่าพอใจ หรือจะเรียกว่าดีก็ได้ เพราะเสียงเล็ดลอดจากภายนอกเข้ามาไม่มากนักแม้จะอยู่ที่ความเร็วค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม หรือเสียงยาง แต่อาจจะมีเสียงเครื่องยนต์บ้างในจังหวะกดคันเร่งแรงๆ แบบคิกดาวน์

อัตราสิ้นเปลือง ฮอนด้า เคลมไว้ที่ 27 กม./ลิตร แต่การลองของผม ไม่ได้ถึงระดับนั้น ทำได้ 16.6 กม./ลิตร แต่เมื่อพิจารณาจากรูปแบบการขับ ความเร็ว และเส้นทางที่ใช้ บอกได้ว่าผมพอใจครับ 

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากได้มากกว่านี้ คือ น้ำหนักพวงมาลัย ที่ความเร็วสูง ถ้าเพิ่มให้มากกว่านี้จะดี ถามว่าที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร คำตอบก็คือไม่มีปัญหาอะไร ขับขี่ได้ ควบคุมรถได้ดี แต่ถ้าเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น จะได้อารมณ์สปอร์ตที่เพิ่มขึ้น 

หรือว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้คิดว่าคนไทยจะใช้ความเร็วกับรถขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน 

แต่ย้ำครับว่า แม้รถจะเซ็ทมาดี ช่วงล่างยึดเกาะถนนดี แต่ก็ไม่ควรใช้ความเร็วที่มากเกินไป ส่วนการลองของผม เพราะอยากรู้ และทำในพื้นที่ที่โล่งจริงๆ ครับ 

นอกจากเรื่องของไฮบริดแล้ว จุดขายอีกสิ่งหนึ่งของ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ก็คือ ออปชั่น ที่ให้มา โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัย ฮอนด้า เซนส์ซิง (Honda SENSING) จากการทำงานของกล้องมุมกว้างด้านหน้า ตรวจจับวัตถุบนท้องถนน เพื่่อส่งข้อมูลให้ระบประมวลผลเพื่อการทงำานของระบบต่างๆ โดยระบบที่นำมาติดตั้งใน ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ประกอบด้วย

 ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane  Departure Warning: RDM with LDW) ซึ่งต้องยอมรับว่า ฮอนด้า ทำได้ดี เพราะว่าจากการลองใช้งาน ทำงานได้แม่นยำ และนุ่มนวล
    หมายถึงการเปลี่ยนองศาของพวงมาลัย ตามเส้นทาง คล้ายกับที่คนจะเป็นผุ้หมุนเอง ไม่มีอาการกระตุก หรือเหมือนคนขับเหม่อแล้วเจอทางโค้ง ต้องรีบหักพวงมาลัย 
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

162606619282

ระบบพวกนี้ดีครับ อย่างเช่น ACC เพราะว่าใช้งานได้จริงกับสภาพการจราจรบ้านเรา แต่ถ้าเป็นแค่ครูส คอนโทรล เฉยๆ อันนั้นจะไม่สะดวกนัก เพราะความร็วรถถูกล็อกเอาไว้ตายตัว ไม่แปรผันตามคันหน้า 

ส่วนระบบเตือน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง ก็คือ เมื่อล้อไปทับเส้นแบ่งจราจร โดยไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวแสดงเจตจำนงค์ว่าจะไปทางนั้น ระบบจะเตือนด้วยเสียง และขืนพวงมาลัยให้ผู้ขับรู้สึกตัว ซึ่งการขืนไม่แรงนัก พูดง่ายๆ ว่าคนขับตั้งใจจะดื้อออกนอกเส้นทางไป ระบบก็ไม่ได้ฟาดฟันอย่างหนักหน่วง อยากไปก็ไปเพราะฉันเตือนแล้ว 

ซึ่งจะต่างจากรถบางรุ่นที่การขืนหรือดึงกลับของพวงมาลัยจะแรง และบางรุ่นก็สามารถปรับได้ว่าจะเอาแรงแค่ไหน ทำให้ ซิตี้ ขับลื่นไหลกว่ากรณีที่ข้ามเส้นแบ่งจราจร 

แน่นอนว่าจริงๆ แล้ว ถ้าเป็นสังคมจราจรที่มีระเบียบวินัย ต่อให้พวงมาลัยดึงแรงแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา เพราะถ้าผู้จะเปลี่ยนเลนเปิดไฟเลี้ยว มันก็ไม่ดึงแล้ว แต่ก็เข้าใจว่าสังคมจราจรบ้านเรา มี 2 แบบนี้อยู่ด้วย คือ ไม่รู้สึกว่าควรเปิดไฟเลี้ยว กับไม่อยากเปิด

อย่างแรกคือ ไม่รู้เรื่อง อย่างที่ 2 เป็นกลุ่มคนที่จำเป็นต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาบ่อยๆ เพื่อหลบรถที่ขับแช่ขวางทาง อยากอยู่เลนไหนก็อยู่ คนที่ต้องเปลี่ยนช่องทางไปมาตลอดเวลา ก็คงรู้สึกเบื่อที่จะต้องให้สัญญาณไฟทุกครั้ง โดยเฉพาะกับคันที่เอื่อยเฉื่อยขวางทางชาวบ้านชาวช่องอยู่ 

จราจรเมืองไทย ก็เป็นเช่นนี้แหละครับ 

ส่วนระบบที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือในการขับขี่อื่นๆ ก็ติดตั้งมาครบครัน  สมกับเป็นตัวท็อปของซิตี้ ไม่ว่าจะเป็น

  • เบรกมือไฟฟ้า
  • ระบบ Auto Brake Hold ทำงานเมื่อรถหยุดนิ่ง โดยไม่ต้องเหยียบเบรก หรือเปลี่ยนเกียร์
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (LaneWatch)
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ ระยะ 5 เมตรขึ้นไป
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง คู่หน้า ด้านข้าง และ ม่านถุงลมด้านข้าง
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
  • เบรก เอบีเอส
  • ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) บนพื้นถนนที่ลื่น
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)

ห้องโดยสาร กว้างขวางสำหรับรถในตลาดนี้ การออกแบบเบาะนั่ง นั่งได้สบายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เบาะผู้ขับขี่นั่งได้กระชับลำตัว ชี่วยในการควบคุมรถได้มาก 

162606611176

162606611540

ส่วนเบาะหลังพับได้ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาะระด้านหลังได้มาก หรือใครจะปรับเอนเบาะหน้ามาด้านหลังเชื่อมต่อกับเบาะหลัง กลายเป็นเหมือนเก้าอี้เอนตัวใหญ่นั่งสบายทีเดียว

162606708436

162606611790

ส่วนออปชั่น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และความบันเทิง ฮอนด้าจับใส่มาแน่นเต็มคันทีเดียว เช่น

  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว
  • หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI
  • เปิด-ปิด ประตูโดยไม่ต้องใช้กุญแจกระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
  • ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์ เครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท
  • วัน พุช สตาร์ท
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน
  • ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง
  • ช่องจ่ายไฟสำรอง ด้านหน้า 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว

162606611676

ครับ ก็เป็นรถขนาดเล็กที่มาพร้อมเทคโนโลยี ออปชั่น เต็มที่ แต่ว่าราคาก็อยู่ในระดับที่แตะกับรถในตลาดคอมแพคท์ ก็อยู่ที่ว่าจะตัดสินใจเลือกอะไร รถใหญ่กว่า หรือรถเล็ก แต่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่ดี ขับสนุก และประหยัดน้ำมัน ครับ

*****

162606611928