วัคซีน‘โมเดอร์นา’มีดีตรงไหน?  

วัคซีน‘โมเดอร์นา’มีดีตรงไหน?   

วัคซีน“โมเดอร์นา”ถูกกล่าวถึงตั้งแต่แรกในเรื่องประสิทธิภาพและประสิทธิผล หลังจากเปิดจองไม่กี่นาทีก็เต็มทุกโรงพยาบาล แม้คนส่วนใหญ่จะรู้ว่าวัคซีนตัวนี้ดี แต่ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ควรรู้อีก...

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโควิดที่ผลิตออกมา ควรมีคุณสมบัติที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ 3 ข้อ คือ

1. ป้องกันไม่ให้รับเชื้อโรคและเจ็บป่วย

2 .ถ้าติดเชื้อแล้ว ต้องไม่ให้แพร่เชื้อให้คนอื่น

และ3. ลดความเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต

“มีข้อมูลชัดเจนว่า ถ้าวัคซีนโควิดมีคุณสมบัติอยู่ในแบบที่ 1 และ 2 จะมีประโยชน์มากในการลดการกักตัว ตอนนี้มีข้อมูลเฉพาะวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา แอสตร้าซิเนก้า

ส่วนวัคซีนซิโนแวคยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ แต่การไม่มีข้อมูลไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้ อาจมีในอนาคต หรือเมื่อในประเทศไทยฉีดวัคซีนซิโนแวคให้ประชากรเยอะ จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ก็จะพิสูจน์ได้” ดร.นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP-Health Intervention and Technology Assessment Program) ให้ข้อมูลไว้

162548141442

วัคซีนทางเลือกและทางรอด

วัคซีนที่ดีต้องสู้กับไวรัสกลายพันธุ์ได้

ว่ากันว่า วัคซีนโควิดที่ผลิตออกมาส่วนใหญ่จะป้องกันไวรัสในแบบที่สามได้ เนื่องจากบริษัทยาส่วนใหญ่จะขอขึ้นทะเบียนโดยการพิสูจน์ว่า ผู้รับเชื้อไวรัสโควิดมาแล้วสามารถลดความเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตลงได้ เป็นการวิจัยที่ง่ายกว่าแบบที่ 1 และแบบที่ 2 ที่ทางผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา ทำออกมา

เนื่องจากทั้งสองบริษัทคิดเบ็ดเสร็จตัั้งแต่แรกด้วยงานวิจัยที่ลงทุนสูง เพื่อจะสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสโควิดให้มากที่สุดดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยาผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ให้ข้อมูลเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ไว้ว่า ลองคิดง่ายๆ  ถ้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา 2 เข็ม มีระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 1,000-2,000 ก็น่าจะเอาอยู่

"ปกติภูมิคุ้มกันต่อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม เราจะต้องใช้ระดับภูมิคุ้มกันไม่ต่ำกว่า 100 ตัวเลขนี้แสดงว่า วัคซีนทุกตัวยังใช้ได้ดีอยู่

แต่ถ้าไวรัสเริ่มมีการกลายพันธุ์ อย่างสายพันธุ์อังกฤษ หรือสายพันธุ์อินเดีย ภูมิคุ้มกันขั้นต่ำจะไม่ใช่ 100 ต้องสูงกว่านั้น อาจจะเป็นระดับ 200 หรือ 300 

ถ้าเป็นไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ภูมิคุ้มกันที่ใช้อาจสูงได้ต้องมากถึง 1,000 ดังนั้นภูมิคุ้มกันจากวัคซีนซิโนแวคซึ่งมีไม่มาก จะเป็นปัญหาเมื่อเราติดไวรัสกลายพันธุ์ เพราะภูมิคุ้มกันที่มีสู้ไม่ไหว

ประเด็นคือ การฉีดวัคซีนไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันเท่ากัน บางคนแข็งแรงก็ภูมิคุ้มกันดี บางคนฉีดวัคซีนซิโนแวคภูมิคุ้มกันขึ้นถึง 1,000 ก็มี

แต่ข้อมูลที่เรามี พบว่าคนที่มีระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนซิโนแวคเกิน 400 มีแค่ 20 % โดยเฉลี่ยคนทั่วไปฉีดวัคซีนซิโนแวคมีระดับภูมิคุ้มกันประมาณ 200 ซึ่งคนเหล่านี้มีโอกาสติดเชื้อและป่วยได้"

 

โมเดอร์นา วัคซีนที่คนไทยอยากเลือก

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า วัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดโควิด-19 ได้94.1% ป้องกันการติดโรคได้ 86.4% และในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ลดความรุนแรงของโรคได้ 100% และลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อได้ 100% 

นอกจากนี้ยังพบว่า วัคซีนโมเดอร์นาสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่สูงพอที่จะยับยั้งสายพันธุ์อังกฤษ และสายพันธุ์แอฟริกาใต้ได้

เนื่องจากเป็นวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ-1273 ( mRNA-1273) ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ต่างจากวัคซีนที่เป็นโปรตีนและวัคซีนเชื้อตาย วัคซีนตัวนี้พัฒนาโดยบริษัท ModernaTX, Inc. อเมริกา เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

จากรายงานเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผลการทดลองทางคลินิกในกลุ่มคนอายุ12-17 ปี พบว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคได้ 96% และกำลังอยู่ระหว่างทดสอบในเด็กอายุ 6 เดือน – 11 ปี ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน

และวัคซีนตัวนี้ยังสามาถรถฉีดให้คนอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ฉีดทั้งหมด 2 โดส ห่างกัน 4 สัปดาห์ ปัจจุบันมีมากกว่า 14 ประเทศที่ใช้ เช่น อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ อังกฤษ ยุโรป อิสราเอล สิงคโปร์ เวียดนาม ญี่ปุ่น ฯลฯ

แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนโมเดอร์นา เป็นวัคซีนที่ผลิตออกมาไม่นาน และยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการให้วัคซีนนี้ควบคู่กับวัคซีนอื่นทุกประเภท จึงแนะนำเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาจากการฉีดวัคซีนพร้อมกันและรบกวนการสร้างภูมิคุ้มกัน

ประสิทธิภาพวัคซีนโมเดอร์นา 

เมื่อฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ร่างกายจะถูกกระตุ้นโดยโปรตีนหนาม เพื่อให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีเพื่อป้องกันส่วนหนาม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เชื้อโควิดจะใช้ผ่านเข้าสู่เซลล์ในร่างกาย

เ่มื่อวันที่ 30 เมษายน2564  เป็นต้นมา  WHO (World Health Organization) ได้รับรองวัคซีนตัวนี้ และผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย.ประเทศไทยเมื่อ 13 พ.ค. 2564 นอกจากนี้วัคซีนโมเดอร์นายังถูกอนุญาตในมาตรการฉุกเฉินรับรองโดย FDA (Food and drug administration) เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563

วัคซีนโมเดอรนา ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ โดยบริษัทได้รับเงินทุน 955 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ29,900 ล้านบาท) จากสำนักงานวิจัยและพัฒนาชีวเวชภัณฑ์ชั้นสูงสหรัฐ (BARDA) ส่วนหนึ่งของกระทรวงสุขภาพและบริหารมนุษย์ โดยรัฐบาลกลางสหรัฐให้ทุนบริษัททั้งหมด2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ78,300 ล้านบาท) ในการพัฒนาและผลิตวัคซีนนี้